ตีแผ่ข้อเท็จจริงกรณีราษฎรเชียงของถูกรุมจับบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
ตีแผ่ข้อเท็จจริงกรณีราษฎรเชียงของถูกรุมจับบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
วีคลี่นิวส์ได้ติดตามตรวจสอบปัญหาที่ราษฎรอำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงราย ถูกข้าราชการหลายหน่วยอาทิ ปลัดอำเภอ ป่าไม้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รุมจับ อ้างว่าเป็นนายทุนบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติทำรีสอร์ท
วีคลี่นิวส์พบว่าราษฎรรายนี้นามนายเกียรติศักดิ์ (ตามที่วีคลี่นิวส์เสนอข่าวมาตลอด) เป็นเพียงราษฎรที่มีอาชีพทำเกษตรกร ได้รับใบประกาศนีบัตรอบรมเป็นเกษตรกรปลูกสวนยาง อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มานานกว่าหล่ยสิบปี มีนิสัยช่วยเหลือชุมชน ฝักไฝ่ในศาสนา มีภรรยาเป็นผู้มีนิสัยตรงไปตรงมา
เมื่อถูกรุมจับด้วยความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม จึงหวังหน่วยงานยุติธรรมจะให้ความช่วยเหลือ แต่กลับปรากฎมีการรุมกินโต๊ะเพราะข้าราชการเหล่านั้นเห็นแก่ความเป็นข้าราชการด้วยกันเอง หรืออาจจะเป็นเพราะนาย เกียรติศักดิ์ ได้กล่าวกระทบใจข้าราชการเหล่านั้นว่า ” มาจับตนทำไม ที่บุกรุกป่าสงวนจริงๆทำไมไม่ไปจับ”
วีคลี่นิวส์ได้ตรวจสอบพบเอกสารสำนวนคดีของผู้จับกุมและผู้ร่วมจับกุมให้การไม่ตรงกัน โดยเฉพาะกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมสี่คน ให้การไม่ตรงกับที่เกิดเหตุและไม่ตรงกับผู้จับกุมคือปลัดอำเภอทั้งสอง ทั้งที่ต่างอ้างเป็นผู้จับกุมและผู้ร่วมจับกุม อีกทั้งคำให้การนั้นเหมือนกันทุกคำพูดทุกตัวอักษร
โดยเฉพาะการกล่าวอ้างว่าบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สปก.ในส่วนกลางพบว่า ป่าสงวนแห่งชาติบริเวณดังกล่าวกรมป่าไม้ได้จัดเป็นโซนป่าเศรษฐกิจ เรียกว่าโซน E คือ เป็นป่าเสื่อมโทรมที่ราษฎรสามารถเข้าทำกินได้โดยการขอเช่าจากกรมป่าไม้ แต่เผอิญที่ดินดังกล่าวได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขตปฎิรูปที่ดินพ.ศ 2537 อยู่ในความดูแลของสปก. แล้ว และนาย เกียรติศักดิ์และภรรยาได้ทำเรื่องขอทำกินต่อสปก.เชียงราย มาตั้งแต่ปี2550 อยู่ในขั้นตอนการอนุญาตและสปก.ได้มาตรวจสอบรังวัดเพื่อดำเนินการอยู่
และต่อมาได้รับอนุญาตจากสปก.เชียงราย โดยออกเป็นเอกสารสิทธิ์ทีดินสปก.401 เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นบริเวณที่เกิดปัญหา ฃึ่งสปก.เชียงรายให้เหตุผลว่า อาจจัดได้ เงื่อนไขมีข้อพิพาท ทำให้บริเวณที่นาย เกียรติศักดิ์ดำเนินการปรับถนนดินที่มีสภาพขรุขละสัญจรไม่ได้และเป็นชนวนเหตุให้ถูกจับนั้นระบุว่า 3 งาน ยังไม่สามารถออกสปก401 ให้ได้ ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกันที่ได้เข้าทำกินมาก่อนหน้าโดยมีสภาพเป็นแนวถนนดินเดิมเมื่อหลายสิบปีก่อน มีการปลูกต้นกาแฟและสวนยางลงในพื้นที่แล้ว
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบของวีคลี่นิวส์พบต่อไปว่า เป็นการเลือกปฎิบัติของข้าราชการกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากราษฎรบริเวณนั้นต่างขอใช้พื้นที่จากสปก.แทบทั้งสิ้นและยังไม่ได้รับการอนุญาตมาก่อนเช่นกัน
นอกจากนี้อาจเป็นการกลั่นแกล้งให้ราษฎรรายนี้ต้องได้รับโทษทางคดีอาญาอีกด้วย ฃึ่งวีคลี่นิวส์จะได้ติดตามนำเสนอต่อไป
ใส่ความเห็น