หมอสายตา ขึ้นแท่น ศธ. ประกาศเป็นสาขาวิชาชีพทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต หรือ Doctor of Optometry

หมอสายตา ขึ้นแท่น ศธ. ประกาศเป็นสาขาวิชาชีพทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต หรือ Doctor of Optometry

กระทรวงศึกษาประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดชื่อปริญญา พ.ศ. ๒๕๕๙
การกําหนดชื่อปริญญาตามคุณวุฒิสาขาวิชา ที่แสดงถึงการมีความรู้ตามหลักการพื้นฐานของศาสตร์ที่ครอบคลุมสาขาวิชา โดยในระดับปริญญาตรีควรกําหนดให้มีพื้นฐานในสาขาศิลปศาสตร์ หรือวิทยาศาสตรบัณฑิต เพื่อให้การกําหนดชื่อปริญญาของสถาบันอุดมศึกษาเป็นระบบและสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย เห็นสมควรกําหนดหลักเกณฑ์การกําหนดชื่อปริญญาให้เหมาะสม

โดยในข้อ ๕.๒.๒ ของประกาศดังกล่าว กำหนดว่า
สาขาวิชาทางด้านวิชาชีพ ซึ่งมีระดับชั้นปริญญาตรีเป็นปริญญาสูงสุดให้ใช้ชื่อปริญญาตามสาขาวิชาชีพนั้น ๆ เป็นหลักในระดับชั้นปริญญาตรี สําหรับระดับชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ให้ใช้วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (Master of Science) และวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต(Doctor of Science) สําหรับปริญญาเอกอาจกําหนดชื่อปริญญาเป็นปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Philosophy) ได้ กลุ่มสาขาวิชาที่ใช้ชื่อปริญญานี้ คือ
(๑) สาขาวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ (Dentistry) ให้ใช้ชื่อปริญญาในระดับปริญญาตรีว่า ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต (Doctor of Dental Surgery)

(๒) สาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ (Optometry) ให้ใช้ชื่อปริญญาในระดับปริญญาตรีว่า ทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต (Doctor of Optometry)

(๓) สาขาวิชาแพทยศาสตร์ (Medicine) ให้ใช้ชื่อปริญญาในระดับปริญญาตรีว่า แพทยศาสตรบัณฑิต (Doctor of Medicine)

(๔) สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ (Pharmacy) ให้ใช้ชื่อปริญญาในระดับปริญญาตรีว่า เภสัชศาสตรบัณฑิต (Doctor of Pharmacy)

(๕) สาขาวิชาสัตวแพทยศาสตร์ (Veterinary Medicine) ให้ใช้ชื่อปริญญาในระดับปริญญาตรีว่า สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต (Doctor of Veterinary Medicine)

สำหรับชื่อปริญญาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และอักษรย่อปริญญาภาษาไทย ภาษาอังกฤษให้ใช้ ดังต่อไปนี้ชื่อปริญญาภาษาไทยและอักษรย่อ(ตามระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก) ชื่อปริญญาภาษาอังกฤษและอักษรย่อ (ตามระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก) ดังนี้

สาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์

ทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต (ทศ.บ.) Doctor of Optometry ( O.D.)

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) Master of Science ( M.S.,M.Sc.)

วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วท.ด.) Doctor of Science ( D.S.,D.Sc.)
หรือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.)Doctor of Philosophy ( Ph.D.)
เกี่ยวกับสาขานี้ มีการเรียนการสอน 6 ปี จบแล้วเป็นหมอสายตา ทำหน้าที่ดูแลด้านสายตาโดยเฉพาะ เมื่อจบแล้วต้องไปสอบใบประกอบโรคศิลปะที่กระทรวงสาธารณสุข เช่นเดียวกับสาขาวิชาชีพอื่นเช่นกัน

มหาวิทยาลัยที่มีการสอนคือ ม.เชียงใหม่กำลังจะเปิด , ม.นเรศวร ฃึ่งมีราคาค่าเรียนปีละประมาณ 40000 กว่าบาท ขณะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีค่าเรียนปีละเกือบแสนบาท เนื่องจากใช้หลักสูตรส่วนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา และมีอาจาร์ยต่างปทมาร่วมสอน เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนสาขานี้มานานกว่าสิบปีแล้ว

สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนสาขานี้คือ มหาวิทยาลัยรังสิต  ฃึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่นานเช่นกัน ตามรายงานจากเวปสาขาแจ้งค่าเรียนไว้ ดังนี้ ค่าเล่าเรียน 4 ปีแรก ประมาณ 450,000 บาท และ 2 ปีหลังประมาณ 250,000 บาท

นางสาว พิมพ์วลี วิกิตเศรษฐ ผู้จบสาขานี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า การเรียนสาขาทัศนมาตรศาสตร์นี้เป็นวิชาเกี่ยวกับระบบการเห็น ที่เชื่อมโยงกับระบบสมองและประสาท

ตาเป็นเพียงอวัยวะรับภาพผ่านกระบวนการเข้าไปยังสมอง และระบบประสาท เพื่อประมวลสิ่งที่เห็นให้สมองรับรู้ และ เรียนรู้ เกิดเป็นความสามารถในการเห็น ฃึ่งแต่ละคนจะมีความสามารถในการเห็นแตกต่างกันไปหรือไม่เท่ากัน นักทัศนมาตรจะช่วยให้การมองเห็นทำได้อย่างที่แต่ละคนต้องการและพอใจในสิ่งที่เห็นอย่างเต็มที่

โดยคำนึงถึงว่าจะใช้เครื่องมืออย่างใด หรือ วิธีการอย่างใด ที่จะช่วยให้การเห็นดีขึ้น ไม่เฉพาะแต่เพียงแว่นเท่านั้น อาจจะรวมไปถึงเรื่องการใช้คอนเทคเลนส์ หรือเรื่องของสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับการมองเห็นด้วย ฃึ่งนักทัศนมาตรจะต้องเรียนเกี่ยวกับระบบร่างกายมีความสัมพันธ์กับระบบการมองเห็นอย่างไรด้วย เราจึงมีท่านอาจาร์ยใหญ่ ประสาทความรู้ให้กับเราด้วย การเรียนจึงใช้เวลาถึง 6 ปี

นางสาว พิมพ์วลี วิกิตเศรษฐ กล่าวต่อว่า กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวทำให้เราทราบว่า มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้การเห็นมีปัญหา เช่น คนที่เป็นความดันสูง หรือ คนที่เป็นเบาหวาน จะมีผลต่อระบบการเห็นอย่างไร เช่นนี้แล้วเราจึงต้องเรียนรู้ระบบของร่างกาย และระบบสมอง ระบบประสาท ด้วย ฃึ่งจะทำให้การแก้ไขการมองเห็นทำได้อย่างตรงจุด

ฃึ่งในการเรียนก็ต้องเรียนครบทุกด้านทั้งในเรื่องของการตรวจสายตา จำพวก สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ตลอดจนจอประสาทตา กระจกตา ความดันตา และความเสี่ยงในการเกิดโรคตา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก และจอประสาทตา ด้วย ส่วนถ้าจะเป็นในเรื่องของการผ่าตัดนั้นจะเป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์

ปัจจุบันนักทัศนมาตรเป็นที่ต้องการของตลาดและมีไม่เพียงพอเนื่องจากผลิตได้น้อย จึงเป็นสาขาหนึ่งที่น่าสนใจเข้าเรียน