การทำสมาธินี่เวลาทำจิตลงไปแล้วจิตมันละเอียด มันละเอียดตามลำดับ
ตามลำดับของการที่เราละอารมณ์ได้

เมื่อละอารมณ์ได้มากการทำจิตให้ละเอียดมันก็ละเอียดยิ่งขึ้น
การละเอียดเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามความเป็นจริงที่เรียกว่าสัจจะธรรม

เมื่อเวลาที่ทำสมาธิจิตมันเกิดรวม เกิดสบาย เราก็ยอมรับว่าจิตเรานี้รวม จิตเรานี้สบาย
แต่ความจิตรวมและความจิตสบายนั้นไม่ใช่เป็นเพียงครั้งเดียวที่จะทำให้เราได้สำเร็จ
มันจะต้องทำหลายครั้งมากกว่าที่จะสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอน
ความสบายก็ต้องสบายหลายครั้ง
การเดินจงกรมก็ต้องหลายครั้ง
การนั่งสมาธิก็ต้องหลายครั้ง

ทำไมถึงต้องหลายครั้ง
ทำที่เดียวแหละแต่ทำไมถึงต้องทำหลายครั้ง
ก็เพราะว่าต้องการความสำเร็จ
เหมือนกันกับเรารับประทานอาหาร เรารับประทานกี่ครั้ง เราอิ่มกี่ครั้งตั้งแต่เราเกิดมานี่
กว่าจะมาถึงเวลานี้เราก็ได้อิ่มมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

เพราะฉะนั้นสัจจะธรรมของพระพุทธเจ้าจึงเรียกว่าเป็นความจริง เรียกว่าต้องทำตามขั้นตอน

เพราะฉะนั้นความสุขที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธินั้น จะต้องเกิดแล้วเกิดเล่า เกิดแล้วเกิดอีก
ความสุขทีนึงก็เท่ากับว่ากินข้าวอิ่มหนหนึ่ง
แล้วก็ทำอะไรให้เจริญเติบโต ก็คือทำกระแสจิตหรือทำพลังจิตนี่ให้มีกำลังขึ้น
รวมทีนึงก็มีกำลังทีนึง รวมทีนึงก็มีกำลังทีนึง
ขจัดอารมณ์ไปได้ทีนึงก็มีกำลังทีนึง
มันก็จะต้องมีเช่นนั้นหลายครั้งนับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อนับครั้งไม่ถ้วนแล้วจิตของเรานี้แหละจะได้รับความบริสุทธิ์

มันก็จะเกิดความบริสุทธิ์ขึ้นตามกาลเวลาที่ถูกต้อง

การที่เราทำสมาธิที่เราจะทำให้เกิดความก้าวหน้าต่อไปนั้น เราก็ต้องเกิดปิติ
เกิดแล้วเกิดอีก เกิดแล้วเกิดอีกอยู่นี่แหละ จนกระทั่งจิตของเราได้รับการอบรมจนเกิดความบริสุทธิ์
จากปุถุชนกลายเป็นกัลยาณชน
จากกัลยาณชนกลายเป็นอริยชน อย่างนี้เป็นต้น

เรียกว่าสามารถพัฒนาตัวของเรานี้ให้สำเร็จขึ้นมาสมความมุ่งหมาย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๗๙
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๒.๒๕