เมื่อเราทำสมาธิไปเมื่อไรนั้นก็จะต้องส่งเสริมพลังจิตของเราให้มากขึ้น มากขึ้นตามลำดับ

เมื่อสมาธิของเราทำให้พลังจิตมากขึ้นแล้วนี่จะนอนเนื่องอยู่ในจิต เป็นสิ่งที่เตือนเรา เตือนให้พากันสร้างตัวของเรานี้ เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ในการบุญการกุศล ในการที่จะดำรงตนให้เป็นประโยชน์

ชีวิตของบุคคลผู้ที่ทำสมาธินั้นเป็นชีวิตที่มีความประเสริฐเป็นอย่างยิ่ง

ในคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือพุทธองค์ทรงแสดงว่า มรรค ๘ นี้ยังมีอยู่ในโลกอยู่ตราบใด พระอรหันต์จะไม่ว่างจากโลก ท่านตรัสไว้ถึงเพียงขนาดนั้น

การสร้างสมาธิให้แก่ตัวของเรานั้นนอกจากจะทำให้สุขภาพกายดี สุขภาพใจดีแล้ว ก็ยังทำให้เป็นบุญเป็นกุศลอีกด้วย

เพราะว่าการทำสมาธินั้นเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกที่มีอยู่ในตัวเรา เขาเรียกว่าพวกอารมณ์ต่าง ๆ
พวกอารมณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวเรานั้นมันมากมายก่ายกอง แต่ก็ถูกขจัดไปด้วยสมาธิ
เมื่อถูกขจัดไปด้วยสมาธิก็ถูกกลั่นกรองขึ้น
เมื่อกลั่นกรองแล้วสมองของคนเราก็กลายเป็นสิ่งที่สะอาดขึ้นมากกว่าเดิม
เมื่อสะอาดมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว สมองนี่แหละที่จะทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพดี
คนที่ใช้สมองวุ่นวาย คนที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ คนที่ไม่มีสมาธิที่ควบคุมอารมณ์ของตนได้นั้น แก่เร็ว

เพราะอะไร
เพราะว่าความไม่สะอาดของสมองนั่นไม่มีสมาธิก็เลยทำให้สุขภาพกายนั้นทรุดโทรมเร็วขึ้น แต่ว่าถ้ามีสมาธิก็ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย นี่เขาเรียกว่าเป็นสุขภาพกาย

แล้วส่วนสุขภาพใจนั้นเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็สามารถระงับจิตใจของตนได้ ไม่ผลีผลามหรือว่าไม่มีการตามใจตามอารมณ์ไปตลอด มีสติคอยกำกับ เป็นออโตเมติก โดยที่บุคคลผู้ทำสมาธิไม่ต้องไปคอยระมัดระวังอย่างโน้น อย่างนี้ ว่าต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้
แต่ว่ามันเป็นออโตเมติก ที่จะคอยป้องกันให้ได้เป็นอัตโนมัติ

ในเมื่อเวลาที่เราพากันสร้างพลังจิตนี้ให้มีความมั่นคงแข็งแรงขึ้นมาแล้ว เราก็สามารถที่จะทำให้เกิดความควบคุมจิตใจของตนได้
สามารถที่จะทำให้เกิดความเย็นใจ
ทำให้เกิดความสุขใจได้

เพราะฉะนั้นเมื่อเราปฏิบัติธรรมแล้วพระธรรมย่อมรักษา คือรักษาเราไม่ให้เราตกไปในทางชั่ว
เรามีโอกาสที่จะไปสวรรค์ นิพพาน และมีโอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีความสุขสบาย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๖๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๒.๑๔