อมตธรรมนั้นคือธรรมที่เราพากันปฏิบัติอยู่นี่มันไม่มีการสูญสิ้น มันไม่มีการสลายตัว

อมตธรรมนั้นใช้ได้ตั้งแต่เราทำบุญทานการกุศล ตั้งแต่เราเข้าวัดในเบื้องต้น ตั้งแต่เราเริ่มต้นทำความดี

อมตธรรมคือธรรมเป็นสิ่งที่ไม่ตาย
เพราะฉะนั้นธรรมะเหล่านี้จึงเรียกว่าเป็นที่พึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ปุญญานิ ปะระโลกัสมิง ปติฎฐา โหนติ ปาณินัง”
บุญเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของเรา

เพราะว่าบุญนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ยังอยู่กับเราไปชั่วกัปชั่วกัลป์
ไม่ว่าจะทำน้อยทำมากก็จะติดตัวเราไปตลอดจึงเรียกว่าอมตะ อมตะแปลว่าไม่ตาย

ทีนี้อมตะนี่ก็ไล่ไปตั้งแต่การทำบุญทานการกุศลต่าง ๆ ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เหล่านี้เขาเรียกว่าอมตธรรม
ทีนี้เมื่อผู้ที่มีบารมีแก่กล้าก็ได้มีการพัฒนาอมตธรรมนี่ในตัวของตนเองเพิ่มเติม

คำว่าพัฒนานั้นหมายความว่าเราได้ทำเพิ่มเติมที่มันบกพร่องอยู่ เราทำเพิ่มเติมขึ้นเรียกว่าพัฒนา

เราพัฒนาบุญกุศลของเราทุกวัน
บุญที่จะเกิดขึ้นนั้นมันมีอยู่เยอะ มีอยู่หลายทางที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๒๒๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๑.๒๒