แท้ที่จริงธรรมะก็อยู่ในตัวของเราทุกคน แต่ว่าเราถูกปกปิดไว้ด้วยอำนาจของอาสวะกิเลสที่ปกปิดธรรมะไว้

เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้พลังจิตเปิดเผยธรรมะเหล่านี้ออกมา

ของดีที่มีอยู่ในตัวของเรานั้นเยอะมาก แต่ว่ามันถูกปกปิดไว้
เพราะฉะนั้นหลวงพ่อจึงแนะนำให้ทุกคนว่าให้พากันทำสมาธิเพื่อที่จะเปิด หมายความว่าเปิดเอาสิ่งที่ดีที่มีอยู่นี้เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์

ทุกสิ่งทุกอย่างนี่ในชีวิตของคนเรานี่มันก็ต้องมีพลาดพลั้งเป็นธรรมดา ไม่ว่าเขาและเรา การที่เราจะทำมันถูกไปตลอดนั่นก็ย่อมไม่มี

แต่เมื่อเวลาเราผิดเราก็ต้องยอมรับผิด แล้วเราแก้ไขให้มันเกิดความถูกขึ้น

พระพุทธเจ้าพระองค์ก็ตรัสว่าคนที่เป็นเช่นนั้นได้ถือว่าเป็นคนดี ทรงแสดงว่า “โย จะ ปุพเพ ปะมัชชิตวา” เมื่อก่อนเขาเป็นผู้ประมาท
“ปัจฉา โส นัปปะมัชชะติ” ต่อมานี่เขาจะเป็นผู้ไม่ประมาท
“ลัพภา มุตโตวะ จันทิมา” บุคคลผู้นั้นท่านเปรียบเหมือนกันกับจันทร์วันเพ็ญ
หมายความว่ายังเป็นการดีที่ว่าเมื่อเรารู้จักว่าเราผิดแล้ว เราก็หาหนทางทำความถูกอีกต่อไป

เราท่านทั้งหลาย ในเมื่อก่อนนี้เรายังไม่ได้ปฏิบัติสมาธิ เวลานี้เราก็ควรที่จะต้องมานั่งสมาธิกันซะ
คนไหนยังไม่ได้ทำสมาธิก็มาทำสมาธิซะ
เมื่อมาทำสมาธิแล้ว ได้ผลแล้ว ก็อย่าหยุดยั้ง แล้วก็พยายามกระทำต่อไป

เพราะว่าการทำสมาธินั้นเป็นหนทางที่จะทำให้ตัวของเรานี่กลายเป็นบุคคลที่มีความสำคัญขึ้น

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๑๑๓
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๒๕