ดี-ชั่ว
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ทำดี ได้ดี
พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ตรัสเล่าว่าพวกเทพกับพวกอสูรทำสงครามกัน พวกฤษีกลัวพวกอสูรเพราะเป็นพวกพาล จึงคิดจักเข้าไปขออภัยพวกอสูร แล้วพากันเข้าไปเพื่อขออภัย พวกอสูรยืนยันว่าไม่มีอภัย มีแต่ภัยอย่างเดียว
พวกฤษีจึงกล่าวว่า “พวกเรารับแต่อภัยอย่างเดียว ภัยจงเป็นของท่าน บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

ปาปการี จ ปาปกํ ทำชั่ว ได้ชั่ว
พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ตรัสเล่าว่าพวกเทพกับอสูรทำสงครามกัน พวกฤษีกลัวพวกอสูรเพราะเป็นพวกพาล…
ผลของกรรมดีกรรมชั่วมีหลายวาระ เช่น วาระที่ทำกรรมชั่ว ผลคือความร้อนใจ ทุกข์ใจ เพราะกิเลสกลุ้มรุมให้ทำกรรมชั่ว
วาระทำไปแล้ว คือ การถูกติเตียน และถูกจองจำเป็นต้น
และวาระหลังความตาย คือ การเกิดในนรกเป็นต้น
(จากหนังสือพุทธภาษิต ฉบับเล่าเรื่องขยายความ สำนักพิมพ์รติธรรม)

ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว เป็นเรื่องเหตุและผล เป็นเรื่องมีที่มาที่ไป เป็นข้อคิดพึงน้อมนำมาเตือนตนและบุคคลที่ใกล้ชิด เพื่อนสนิท มิตรสหายว่า อย่าหวั่นไหวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าขาดสติเผลอคิดไปว่า ทำชั่วแล้วจะได้ดี เปรียบดังโจรที่ขยัน และฉวยโอกาสไปปล้นทรัพย์ผู้อื่นมา ผู้อื่นดูว่าทรัพย์เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าทรัพย์ที่ได้มานั้น เป็นทรัพย์ที่ไม่บริสุทธิ์ ผลกรรมแห่งความชั่วนั้นย่อมตามมาอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
ทำดี ได้ดี อันนี้ดีแน่ อย่าได้หวั่นไหว อย่าโลเล อย่าเสียหลัก พูดดี ทำดี และคิดดี เป็นพื้นฐานของคนดี หมั่นสะสมบุญ กุศล คุณงามความดีไปเรื่อย ๆ เมื่อความดีให้ผล อยู่ก็ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็ดีกว่าเดิม เหตุเพราะได้สะสมความดีไว้
บุญเป็นที่พึ่ง ให้ทานตามโอกาส สำรวมระวังรักษาศีล โดยเฉพาะศีล 5 อย่าให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย สมาธิเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาใจ สร้างกำลังให้แก่ตน สร้างสติปัญญาให้แก่ตน เราทั้งหลายโชคดีแล้วที่ได้พบพระพุทธศาสนา เราน้อมนำธรรมมาปฏิบัติ ความเจริญก้าวหน้าก็จะเกิดขึ้น ความสุขและความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น แล้วเราก็จะได้พบว่า คุณของพระพุทธศาสนานั้นยิ่งใหญ่นัก
รังสรรค์ อินทร์จันทร์
ที่ปรึกษา งานพัฒนาบุคคลสู่ความเป็นเลิศ
6/06/59