จำคุก 4 ปี อดีตผู้ช่วยผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการและกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุจริตอนุมัติเงินกู้

เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลฎีกา พิพากษาตัดสินว่า นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เมื่อครั้งดารงตาแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการและกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด ของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 9(1) รวม 2 กระทง จาคุกกระทงละ 2 ปี ปรับกระทงละ 10,000 บาท รวมจาคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกาหนด 2 ปี คดีถึงที่สุด

คดีนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยร้ายแรง กับนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เมื่อครั้งดารงตาแหน่งดังกล่าว ว่ากระทาความผิดฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ในการอนุมัติเงินกู้ โดยมีพฤติการณ์คือนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการที่ขอรับสินเชื่อจาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดังนี้

1. โครงการคริสตัล สแควร์ ซึ่งนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท คริสตัล สแควร์ จากัด และมีภริยานายสิริวัฒน์ พรหมบุรี และบุคคลอื่นเป็นผู้ถือหุ้นด้วย ประกอบกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ อาศัยคอนโดมิเนียม (ห้องชุด) แต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้ชะลอสินเชื่อโครงการนี้ เนื่องจากมียอดหนี้ค้างชาระสูง ดังนั้นนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้ดาเนินการทาเรื่องขออนุมัติผ่อนผันรับลูกค้ารายย่อยโครงการ คริสตัล สแควร์ และเป็นผู้ลงช่ืออนุมัติผ่อนผันเอง ทั้งท่ีอานาจการผ่อนผันไม่ใช่อานาจของนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี การกระทาดังกล่าว นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี ได้ประโยชน์จากการที่ลูกค้าโครงการได้สินเช่ือของธ นาคารอาคาร สงเคราะห์ และนาเงินกู้นี้ไปชาระค่าซื้อห้องชุดโครงการคริสตัล สแควร์ ซึ่งเป็นโครงการของนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี

2. โครงการแม่ราพึงแลนด์ ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรที่ดินบนท่ีดินของนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี และภริยา กับพวกโดยนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี ได้ใช้อานาจพิจารณาและมีความเห็นเสนอเรื่องของผ่อนผันสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า) ของโครงการ เพื่อให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์รับเป็นแหล่งเงินกู้ระยะยาวของโครงการ การกระทาดังกล่าว นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี ได้ประโยชน์จากการที่ลูกค้าโครงการได้สินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ แล้วนาเงินกู้ ไปชาระค่าซ้ือที่ดินโครงการแม่ราพึงแลนด์ ซึ่งเป็นท่ีดินของนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เอง

จากนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงส่งเรื่องอัยการสูงสุด ซึ่งสานักงานอัยการสูงสุดโดยพนักงานอัยการ สานักอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 ได้ยื่นฟ้องนายสิริวัฒน์ พรหมบุรี เป็นจาเลยต่อศาลอาญา และศาลอาญาพิพากษา ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์อุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่านายสิริวัฒน์ พรหมบุรี มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 (2) ให้จาคุก 1 ปี ปรับ 4,000 บาท โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด 2 ปี โจทก์และจาเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี จาเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 9 รวม 2 กระทง จาคุกกระทงละ 2 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวมจาคุก 4 ปี และปรับ 20,000 บาท โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด 2 ปี คดีถึงที่สุด

สาหรับในส่วนของการดาเนินการทางวินัย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดาเนินการ และธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยความเห็นของคณะกรรมการ ได้พิจารณาลงโทษไล่นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี ออกจากงานแล้ว