โครงการสัคคสาสมาธิ ( สมาธิเพื่อยกใจสู่สวรรค์)เป็นอีกโครงการหนึ่งของหลวงพ่อ วิริยังค์ แห่งวัดธรรมมงคล ที่นำวิชาสมาธิไปสอนให้แก่คนคุกใหรือผู้ต้องขังในทัณฑสถานทั่วประเทศ
image
เป็นโครงการที่ผู้เขียนคิดไฝ่ฝันมานานว่า ผู้ต้องขังควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีทางจิตใจ สิ่งที่ทำให้เวลาที่อยู่ในคุกได้เกิดประโยชน์แก่ตน นอกเหนือจากอาชีพที่ได้ฝึกระหว่างติดคุก

การทำสมาธิ เป็นการผ่อนคลายจิตใจ ช่วยไม่ให้ฟุ้งฃ่าน และมีประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ต้องขังที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว ห่างไกลครอบครัว หากจิตไม่มั่นคง อาจได้เชื้อไม่ดีติดเพิ่มออกมาจากคุก

กรมราชทัณฑ์ ที่ผ่านมาทำได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เพราะการเรียนการสอนเป็นไปเป็นครั้งคราว ตามเทศกาล เป็นส่วนใหญ่ เมื่อหลวงพ่อ วิริยังค์ ท่านมีความพร้อมในเรื่องหลักสูตรสมาธิ ฃึ่งเปิดสอนเป็นคอร์สทั้งระยะสั้นและระยะยาว มานาน หลายสิบปี มีสาขาต่างๆทั่วประเทศนับเป็นร้อยสาขาและสาขาในต่างประเทศอีกหลายแห่ง มากมาย ท่านสามารถผลิตครูสมาธิสำเร็จแล้ว ได้หลายหมื่น หลายแสนคน ในจำนวนนี้ได้เข้ารับการสอบสอนเป็นอาจาริยสา หลายร้อยคน

ท่านจึงมีความพร้อมในการนำหลักสูตรสมาธินี้เข้าไปสอนให้แก่ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ ปฎิบัติ เป็นเวลาติดต่อ ต่อเนื่อง ในหลักสูตร มากกว่าเป็นครั้งคราวดังที่ผ่านมาของกรมราชทัณฑ์ โดยมีการเปิดสอนทั้งวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ใช้ระยะเวลาในการเรียน 100 ชั่วโมง โดยมีภาคทฤษฎีและปฎิบัติ รวมอยู่พร้อมกัน เพื่อให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ถึงการทำสมาธิ วิธีการทำสมาธิ ผลที่ได้จากการทำสมาธิ

หลวงพ่อ วิริยังค์ ท่านมีเมตตาในสิ่งที่แม้แต่คนทั่วไปนึกไม่ถึงว่า ผู้ต้องขังเหล่านี้คือทรัพยากรของชาติ ใครจะนึกได้ว่า บุคคลที่ทำผิดกฎหมาย ต้องโทษ ในคุก คือ ทรัพยากรของชาติ

หลายคนคิดว่าพวกนี้คือขยะสังคม

เมื่อท่านนำวิชาสมาธิเข้าไปสอนให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ ปฎิบัติ ท่านให้ชื่อ โครงการนี้ว่า “สัคคสาสมาธิ”แปลความได้ว่า “สมาธิเพื่อยกใจสู่สวรรค์”

เป็นโครงการที่ดีมาก ที่รัฐควรสนับสนุนเต็มที่ เพราะผลที่ได้จากการเรียน จากการปฎิบัติ สมาธิ แม้จะเป็นเพียง 100 ชั่วโมง อย่างน้อยก็ได้สิ่งมีค่าติดตัวให้กับผู้หลงผิด ผู้กระทำผิด

การยกใจสู่สวรรค์ จึงเป็นคำที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ทำทรัพยากรของชาติให้มีคุณค่ามากขึ้น เพื่อนำคนที่ขัดเกลาแล้วออกสู่สังคมจะได้มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ดีกว่าไม่มีเลย

หลวงพ่อ วิริยังค์ ท่านมีลูกศิษย์ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของท่าน ในการนี้หลวงพ่อเมตตาออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่กรมราชทัณฑ์ แม้กระทั่งช่วยเหลือค่าเดินทางให้แก่อาจารย์ผู้ไปสอน

การคัดเลือกอาจารย์ไปสอนจึงสำคัญนัก ควรได้อาจารย์ที่มีความรู้ ความสามารถ และเป็นผู้ประพฤติ ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ทั้งกายและใจ

เพราะคำพูดในการสอนนอกเหนือจากคำสอนของหลวงพ่อแล้ว หากพูดเพ้อเจ้อ ดุด่า ด่าทอ ขาดมธุรสวาจา ขาดการมีศีล ย่อมจะเป็นตัวอย่างดำๆให้กับผู้ต้องขังได้เช่นกัน

การนำอาจารย์ที่ได้จากการเข้าสอบสอนไม่กี่ชั่วโมง เป็นใครก็ได้นั้น เป็นเรื่องที่น่าตระหนัก เพราะนั่นคือภาพพจน์ของอาจารย์ในนามของหลวงพ่อ วิริยังค์

แม้โครงการจะดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าได้คัดสรรอาจารย์ที่ดีทั้งกายและใจเข้าไปด้วยแล้ว ถือว่าโครงการนี้สมบูรณ์แบบ

ลำพังการพูด ลำพังการคิด ลำพังการประพฤติปฎิบัติ ของอาจารย์ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นไปในนามหลวงพ่อ วิริยังค์ พระผู้มีเมตตาต่อคนทั้งโลก

หากตัวอาจารย์ยังไม่ได้รับการขัดเกลาก็ยากที่ผู้ต้องขังหรือบุคคลภายนอก จะเชื่อมั่นและศรัทธา

แค่คิดว่าผู้อื่นอคติ ผู้อื่นมีหน้ากาก ปราศจากการใช้สติปัญญาแล้ว ก็ถือว่าการเรียนสมาธิที่ได้มานั้น ต้องกลับไปเรียนใหม่

สมาธิเพื่อยกใจสู่สวรรค์ นี้ จึงนำไปใช้ได้สำหรับทุกคน

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้ หลวงพ่อ วิริยังค์ สุรินธฺโร และ ผู้เป็นต้นบุญ พร้อมผู้มีจิตประพฤติปฎิบัติดีงามที่ได้สนับสนุนและดำเนินการ ในโครงการนี้ มีสุขภาพแข็งแรง ๆๆ ถึงพร้อมด้วยสิ่งที่ปรารถนา ทุกประการ สาธุ สาธุ สาธุ

พัชรินทร์ วิกิตเศรษฐ

 

 

image