ปปช.ขอเอกสารลับวีคลี่นิวส์ กรณี เงินบชลับสกสค.ร่วมธนาคารออมสิน หลังเกิดหนี้เสียในธนาคาร เป็นเหตุให้มีการเปิดโปงขบวนการจ่ายใต้โต๊ะ ของวีคลี่นิวส์ ล่าสุดศธ.กับออมสินยุคใหม่จับมือแก้หนี้เสีย ระงับการหักเงินจากบชลับที่ใช้จ่ายหนี้แทนครูที่จ่ายไปแล้วถึง7000ล้านบาท

จากรายงานข่าวที่วีคลี่นิวส์ออนไลน์ได้เสนอข่าวเกี่ยวกับเงินบชลับระหว่างสกสคกับธนาคารออมสิน ไปแล้วนั้น เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากปปช.ถึงกับขอให้วีคลี่นิวส์นำส่งเอกสารทั้งหมดเพื่อติดตามตรวจสอบต่อนั้น ในวันนี้ปรากฎว่า
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการดำเนินโครงการลดภาระหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยธนาคารออมสินจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ให้แก่ผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้เงินกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งทายาทจะได้รับเมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม เป็นเงินบำเหน็จตกทอด นำมาขอสินเชื่อใหม่ หรือรีไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระหนี้ หรือปิดบัญชีที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ย 4% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อตกลงที่จะใช้ในการลงนามร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) นั้น สาเหตุที่การดำเนินโครงการล่าช้า เพราะ สกสค.ต้องไปดูรายละเอียดข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนลงนามในข้อตกลง ขณะเดียวกันต้องไปดูลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมา สกสค.ได้หักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค เพื่อชำระหนี้แทนไปแล้วประมาณ 60,000 กว่าราย เป็นเงิน 7,000 ล้านบาท หากเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องหักเงินส่วนหนึ่งมาชำระหนี้กับ สกสค.ด้วย ไม่ใช่รีไฟแนนซ์เพื่อลดเงินต้นอย่างเดียวโดยไม่ยอมใช้หนี้กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ หากได้เงินส่วนนี้กลับคืนมา จะตั้งเป็นเงินเพื่อดูแลเรื่องสวัสดิการและสวัสดิภาพของครูต่อไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วีคลี่นิวส์ได้ติดตามสอบถามจากนักกฎหมายหลายหน่วยพบว่ากรณีสกสคและธนาคารออมสินยิ่งแก้จะยิ่งยุ่ง และจะเกิดความผิดต่อเนื่องกันไปจนกว่าจะเข้าสู่กระบวนการของกฎหมายว่าสิ่งที่ธนาคารดำเนินการร่วมกับสกสคทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า