ภัย


​วันนี้ขอหยิบยกเรื่องภัยขึ้นมา เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราเป็นอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เป็นเรื่องที่เราคิดหาทางที่จะป้องกันภัย คิดหาทางที่จะแก้ไขภัย คิดหาทางที่จะกำจัดภัย

ภัยที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ในโลกนี้ ในปีพ.ศ.นี้มีหลายอย่าง
​เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ไฟไหม้ พายุถล่ม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ นี้ภัยจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีภัยอีกมากหลายที่เกิดจากมนุษย์ หรืออมนุษย์

ขึ้นชื่อว่าภัยนั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัว น้ำท่วมก็น่ากลัว น้ำแล้งก็น่ากลัว แผ่นดินไหวก็น่ากลัว พายุถล่มก็น่ากลัว ภูเขาไฟระเบิดก็น่ากลัว นี้ภัยจากสภาพแวดล้อมภายนอกตัวเรา ปรากฏการณ์เหล่านี้ในโลกยากที่จะตรวจวัด ตรวจจับ หรือพยากรณ์ได้ ไม่แน่นอนเลยว่าภัยอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไร

​แต่สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือ การทำลายธรรมชาติของโลกอย่างรุนแรง และรวดเร็ว เมื่อโลกร้อนขึ้นก็ตรวจพบว่าน้ำแข็งขั้วโลกละลายตัวลงมามากขึ้น ปริมาณน้ำในโลกมากขึ้น ภัยน้ำท่วมทางทะเลก็มากขึ้นในที่สุด เมื่อป่าไม้ถูกทำลายอย่างขนาดใหญ่ อย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อฝนตกลงมาน้ำก็ไหลบ่าลงมาท่วมบ้าน ท่วมเมืองในที่สุด ก่อความเศร้าโศก ก่อความเดือดร้อน เกิดความเสียหายอย่างมากมาย เกิดความทุกข์และความสูญเสียกันอย่างมากมาย
​ทำอย่างไรเราจะฟื้นฟูธรรมชาติ ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ของหมู่บ้าน ของตำบล ของอำเภอ ของจังหวัด ของประเทศ และของโลกขึ้นมาได้ เพื่อเป็นการป้องกันและกำจัดภัย เพื่อสันติสุขของชาวบ้านและชาวเมือง เรื่องนี้คงต้องอาศัยทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์ ฟื้นฟูธรรมชาติ กอบกู้ระบบนิเวศน์ขึ้นมาให้จงได้

​ธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ ธรรมชาติผู้ที่จะรักษาก็คือมนุษย์ ธรรมชาติผู้ที่จะทำลายก็คือมนุษย์ มนุษย์นั้นมีความสามารถสูง สามารถสร้างสรรค์ได้ และก็สามารถทำลายได้

พื้นฐานของใจเป็นพื้นฐานของคน พื้นฐานของใจเป็นพื้นฐานของสังคม สิ่งที่ถูกทำลายกันมากที่สุด คือ ธรรมชาติของใจคน ถูกทำลายด้วยกิเลสนานัปการ ด้วยโลภมาก อยากได้ อยากได้ใหม่อยากได้มาก ไม่สิ้นสุด ด้วยลักษณะที่ว่ามือใครยาว สาวได้สาวเอา ก็ด้วยเหตุที่ว่าธรรมชาติของใจคนได้ถูกทำลาย ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ก่อให้เกิดความเครียด ความขัดแย้งกันอย่างมากมาย

ถึงเวลาแล้วที่เราจะมารณรงค์กันฟื้นฟูธรรมชาติ ปรับปรุงพัฒนาธรรมชาติ ในทางสร้างสรรค์ โดยเริ่มจากใจของเรา เรานั้นได้ใช้ใจของเราตลอด ทุกวัน ทุกเวลา ความนึกคิดมีอยู่ไม่สิ้นสุด อารมณ์มีอยู่ไม่สิ้นสุด เราได้ใช้พลังใจกันอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุดก็ขาดพลังใจ ขาดกำลัง เกิดความเครียด เกิดความขัดแย้ง เกิดความร้ายกาจ เกิดความโหดร้าย เกิดความแตกแยกในที่สุด

เรามาฟื้นฟู พัฒนาธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวเรา คือใจนี้ ให้มีใจสูง ไม่ตกต่ำ ด้วยการพักจิต พักใจ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ด้วยสมาธิ หากเราทำได้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีกำลังใจที่พอเพียง มีความพอเพียงที่จะรักษาธรรมชาติในใจตน และสามารถพัฒนาจิตใจของตนได้ในที่สุด เมื่อมีกำลังใจดีขึ้นแล้ว จิตก็จะเข้มแข็งขึ้น มีความรอบคอบมากขึ้น มีเหตุมีผลมากขึ้น มีความรับผิดชอบเกิดขึ้น มีความเมตตาเกิดขึ้น เมื่อพื้นฐานคือจิตใจคนได้พัฒนาขึ้นแล้ว ประโยชน์เกิดขึ้นอย่างมหาศาลแก่ตน ประโยชน์เกิดขึ้นอย่างมหาศาลแก่ครอบครัว แก่สังคม และแก่โลก

ชีวิตคือการต่อสู้ เมื่อกำลังใจดีแล้ว พร้อมสู้เมื่อภัยมา ยิ้มสู้ได้เมื่อภัยมา น้ำแห้งน้ำแล้ง แต่ใจไม่แห้ง ใจไม่แล้ง คิดออก หาทางออกได้เมื่อภัยมาถึง ที่สุดป้องกันภัยไว้ก่อนได้ รอดได้เมื่อภัยมา ขอว่าเราท่านทั้งหลาย อย่าได้ประมาท อย่าได้ขาดสติ ด้วยศรัทธา ด้วยวิริยะ ด้วยสติ ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา

ขอให้ท่านทั้งหลายโชคดี ประสบความสุขความสำเร็จ ประสบความสุขและความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป


​​​​​​​รังสรรค์ อินทร์จันทร์
​​​​​​ที่ปรึกษา งานพัฒนาบุคคลสู่ความเป็นเลิศ
​​​​​​​ 29/03/59