มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

ภายหลังมีการเสนอชื่อนางสาว แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่31 และเป็นนายกรมต.หญิงคนที่สองของปทไทย โดยการเสนอชื่อของพรรคเพื่อไทยและสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาลงมติให้นางสาว แพทองธาร เป็นนายกรมต.และต่อมามีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยนั้น เมื่อเช้าวานนี้ ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนอ่านพระบรมราชโองการ ความว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

วันมูหะมัดนอร์ มะทา

ประธานสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ถวายความเคารพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเปิดกรวยกระทงดอกไม้ รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ต่อด้วยการถวายบังคม 3 ครั้ง ทำความเคารพพระบรมสาทิสลักษณ์อีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

ภายหลังพิธี น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวว่า

“เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ

ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย  ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรคแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิชั้นในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง

พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่าน ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่นประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการเอกชน และพี่น้องประชาชน

ดิฉันจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร วัย 37 ปี ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 16 ส.ค. ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ด้วยมติ 319 ต่อ 145 เสียง โดยขาดเสียงของพลเอก ประวิตร และ ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง ส่วนพรรคปชป.งดออกเสียง พรรคประชาชน ลงมติไม่เห็นชอบทั้งหมด 

ฃึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ นายกฯ จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อครม.แล้ว จึงนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้โปรดเกล้าฯครม. ต่อไปและหลังจากนายกฯ พร้อม ครม. ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะต้องมีการแถลงนโยบายรัฐบาลภายใน 15 วัน