เฉลิม อยู่บำรุง ฟาดเพื่อไทย ไม่ท้าแต่แน่จริงก็ขับออกจากพรรค อาจได้เห็น “ดาวสภา”กลับมาใหม่

ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่บ้านพัก ว่า การที่ตนและนาย วัน อยู่บำรุง ไปพบกับ พล.ต. ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครนายกอบจ.ปทุมธานี จนพรรคเพื่อไทยถือเป็นเรื่องใหญ่โตนั้น ตนและนาย วัน ได้ไปก็หลังจากที่การเลือกตั้งนายกอบจ.เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ฃึ่งตนรู้จักเป็นพี่เป็นน้องกับพล.ต.ท คำรณวิทย์มานานมากแล้ว และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็เคยสนิทกับคนนอนโรงพยาบาลที่ไม่อยากเอ่ยชื่อ

ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง

“หากมองว่า ไม่มีวินัยคนในพรรคเพื่อไทย จะเหลือคนที่มีวินัยสัก 5 คนหรือไม่ นอกจากเออออห่อหมก และเยินยอไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ เพราะจะเป็นการท้าทาย และทะเลาะกัน”

ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวต่อว่า ตนอยู่กับพรรคเพื่อไทยมากว่า 20 กว่าปี ไม่เคยเอาเงินพรรคแม้แต่บาทเดียวไปหาเสียงต่างจังหวัด ยังใช้รถตัวเอง ไม่ได้พูดเอาบุญคุณหรือใส่อารมณ์ แต่นาน ๆ พูดทีก็มีอารมณ์บ้าง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้แค่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตรยังไม่อยากได้ยิน และพร้อมจะดีเบตด้วย เพื่อย้อนความหลังว่า ช่วยเหลืออะไรกันบ้าง และอยากรู้ว่าสิ่งนายทักษิณ พูดจริงทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งตอนนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็คุยกันมาตลอด แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยกลับไม่คุยกัน ที่ผ่านมาเคยทำคดีให้นายทักษิณ 7 คดี และคงต้องถามนายทักษิณว่าทำไมไม่คุย พร้อมพูดลอยๆ ว่า”ทักเอย ทักษิณ เกิดพายัพแต่ไปชื่อทักษิณ”

จากนั้นร.ต.อ เฉลิม เพิ่มเติมว่า ไม่ได้ปิดประตูพูดคุย แต่ก็ไม่ได้อยากเปิด ต้องไปถามนายทักษิณ เอง และต่างไม่ได้มีบุญคุณต่อกัน แต่ฟ้าดินเท่านั้นรู้ ดังนั้นถ้าจะให้ประเทศไทยหยุดสักวันก็ให้ดีเบตกัน และนายทักษิณ คือคนเดียวที่อยากจะมีดีเบตด้วย เพราะต่างก็รู้ประวัติกันดี หากดีเบตจะสนุก

ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวถึงการที่ได้พบกับ พล.อ ประวิตรวงษ์สุวรรณ  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนำนาย วัน อยู่บำรุงเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ  ว่า โดยส่วนตัวรู้จักกันมาเข้าปีที่ 30 แล้ว แต่ไม่เคยพูดคุยกันเลย เพิ่งจะได้พูดคุยกันในวันนั้น และพล.อ.ประวิตรให้การต้อนรับดี และเชื่อว่าบ้านพลังประชารัฐเหนือชั้นกว่ามาก

โดยส่วนตัวอายุมากแล้ว การตัดสินใจอะไรใช้ดุลพินิจเองทั้งนี้ยังไม่ขอตอบว่า หากพรรคเพื่อไทย ขับออกจากพรรคแล้ว จะย้ายเข้าพลังประชารัฐทันที เพราะติดที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ขับออก

อดีตดาวสภา สมัย ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ย้ำว่า ตัวเองเป็นตัวอันตรายไปอยู่ที่ไหนต้องมีใครได้-ใครเสีย และคงประสานรอยร้าวกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้แล้ว และพรรคก็คงไม่เอาแล้ว และไม่แน่ว่า อาจจะขอเอกสิทธิ์สภาฯ อภิปรายอย่างอิสระคนเดียว ไม่ใช่ท้า แต่พร้อมทำงานในสถาฯ

นอกจากนี้ยังระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและเชื่อว่าโครงการจะไม่สำเร็จ หรืออาจจะมีเรื่องทางคดีพร้อมประเมินว่า สถานการณ์รัฐบาลมีโอกาสเจ๊ง อยู่ไม่ได้ครบ 4 ปี เพราะพกปืนคนละกระบอกอยู่ข้างหลัง แต่เป็นปืนพลาสติก รอคนพลาด

พลันที่ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง แถลงข่าวจบ แฟนคลับร.ต.อ เฉลิม กล่าวกับวีคลี่นิวส์ ว่า เพื่อไทยไม่น่าจะเอาเรื่องเล็กๆไปเป็นเรื่องใหญ่ หรือเพราะว่าหมดไปกับการเลือกตั้งในเขตบางขุนเทียนแล้วนาย วัน ไม่ได้กลับมาเป็นส.ส จึงไม่สนใจใยดีกันอีกแล้ว ตนเห็นว่าต่างฝ่ายโดยเฉพาะคุณ ทักษิณ อาจจะมองเห็นปัญหาภายในระหว่างกัน แต่ปกติคุณ ทักษิณ ไม่เคยที่จะคายความลับคนอื่นมาแฉ จึงกลายเป็นคนที่ถูกด่าแต่ฝ่ายเดียว เพราะคิดว่าคนอื่นคงจะเก็บความลับฃ่อนเงื่อนเอาไว้ได้

มันน่าแปลกที่ว่าคุณ ทักษิณ จะลืมเลือนสิ่งที่ร.ต.อ เฉลิม ทำอะไรให้กับตน แต่ภายในอาจมีอะไรมากกว่านี้เป็นได้ หากร.ต.อ เฉลิม ได้กลับมาเป็นดาวสภาอีกครั้งในสภาคงจะสนุก มากกว่านี้