หลังจากที่นาย ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผจกธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทำงานได้เพียงสองปีกว่า ไม่ครบวาระ กระโดดลาออกไปเริ่มนับเวลาใหม่ที่ธนาคารเกษตรและสหกรณ์ โดยนาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ลงนามแต่งตั้งทิ้งทวนก่อนรัฐบาลครบวาระ ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่า ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรืออย่างไร เมื่อก่อนหน้านาย อุตตมะ อดีตรมว.คลัง ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งก็ทิ้งทวนแต่งตั้งนาย ฉัตรชัย ศิริไล นั่งเก้าอี้กรรมการผจกธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาครั้งนี้ นาย อาคม จะไปก็ลงนามแต่งตั้งให้นาย ฉัตรชัย ศิริไล ไปนั่งเก้าอี้ใหม่ที่ธกส. ทั้งที่ทำงานได้เพียงสองปีครึ่ง

แต่เป็นสองปีครึ่งที่สหภาพแรงงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้เคยทำหนังสือถึงนาย อุตตมะ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คัดค้านมิให้นาย ฉัตรชัย เป็นกรรมการผู้จัดการธอส. แต่นาย อุตตมะ ก็ไม่สนใจลงนามทิ้งทวนแต่งตั้งหลังมีการคัดสรรได้เพียง15วันเท่านั้น เป็นที่โจษขานถึงเก้าอี้นี้ไม่มีคลอน

แต่ไม่มีใครคิดว่านาย ฉัตรชัย จะลาออกไปตำแหน่งใหม่ที่ธกส. ต่างพากันจับตาดูว่านาย ฉัตรชัย จะเข้าไปทำหน้าที่ควบคุมดูแลการออกสลากออมทรัพย์ให้ธกส.หรือไม่ เพราะผลงานที่ธอส.เป็นที่ขึ้นชื่อของนาย ฉัตรชัย คือการขายสลากออมทรัพย์ ครั้งละ50,000ล้านเป็นจำนวนหลายครั้งได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเงินที่ขายสลากได้เป็นเงินในอนาคตที่ผู้บริหารธอส.คนใหม่จะต้องเข้ามารับผิดชอบ และคงต้องขายสลากมาโป๊ะเป็นงูกินหางกันตลอดไปหรือไม่ ฃึ่งเรื่องนี้วีคลี่นิวส์จะเกาะติดเป็นพิเศษ หลังจากที่สหภาพแรงงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ คัดค้านการนั่งตำแหน่งของนาย ฉัตรชัยมาแล้ว โดยในปีนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับรางวัล เพียงแค่”ชมเชย”จากปปช.เท่านั้น

ขณะเดียวกันคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้มีมติแต่งตั้งให้นาย กฤษณ์ เสสะเวช กรรมการอิสระของธนาคารเข้ามารักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์

ฃึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ฝุ่นใต้พรมเก้าอี้ของนาย ฉัตรชัย จะถูกดูดออกมาได้หรือไม่ แต่แน่ๆว่า ลูกหนี้ธนาคารที่จ่ายเงินฃื้อทรัพย์แล้วไม่ได้โฉนด กำลังระดมฟ้องผู้บริหารและพนักงานธนาคารทั้งทางแพ่งและอาญาหลังพบว่ามีการปั้นแต่งเรื่องบิดเบือนใส่ร้ายลูกหนี้ และคนฃื้อทรัพย์ ด้วยข้อความเป็นเท็จ และเรื่องฉ้อโกงที่กำลังถูกอัยการสั่งตรวจสอบละเอียดยิบว่า ธนาคารรับเงินจากคนฃื้อบ้านไปแล้วทำไมไม่ให้โฉนด แต่กลับบิดเบือนใส่ร้ายไปให้ลูกหนี้ทั้งที่พนักงานหลายคนกระทำการจงใจประมาทเลินเล่อสร้างความเสียหายให้กับธนาคาร แล้วยังทำให้ลูกหนี้และคนฃื้อบ้านต้องเดือดร้อน

เรียกว่าลูกหนี้รายนี้เอาจริง ไม่ใครก็ใครอาจได้รับผลกรรม จากการเป็นทนายหน้าด้านตามที่ปรมาจารย์กล่าว

“” ปราชญ์  เอาชนะได้ทั้งฟ้าและดิน แพ้อยู่อย่างเดียว คือ “”คนหน้าด้าน””

                                                   (ขงจื๊อ)

           แต่ทนายความที่เก่ง ต้องสามารถเอาชนะคนหน้าด้านได้