ปิดตำนาน”คุ้มนายพลรีสอร์ท” ของหญิงคนไทยที่ปักธงไทยบนยอดดอยจีนฮ่อหลังถูกศาลฎีกาที่3195|63 สั่งไล่ออกจากที่ดินของสปก.ที่ทำกินมากว่า 20 ปี 

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษา ยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ สั่งให้ เจ้าของกิจการคุ้มนายพลรีสอร์ท ของ นาง ณรีพัฒน์ สวัสดิเสวี หญิงไทยหนึ่งเดียวที่ขึ้นไปปักธงไทยบนดินแดนจีนฮ่อที่กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ขอใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ให้จีนฮ่อกลุ่มหนึ่งได้อยู่อาศัยทำกินด้านการเกษตรเป็นการชั่วคราวเท่านั้นโดยมีเงื่อนไข ห้ามฃื้อขายจำแนกแจกจ่ายหรือ ฃื้อขายไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น

แต่ปรากฎว่าเจ้าของเดิมที่ได้สิทธิเป็นจีนฮ่อแปลงสัญชาติเป็นไทยจากกองบัญชาการทหารสูงสุดได้นำที่ดินและทรัพย์สินที่ได้รับอนุญาตไปขายต่อให้อดีตนายตำรวจนายหนึ่งและนายตำรวจนั้นสละสิทธิครอบครองส่งต่อมาให้เธอดำเนินกิจการนานกว่า20ปีแล้ว กลับมาถูกเจ้าของเดิมที่ทำผิดเงื่อนไขการได้ที่ดืนนั้นมาฟ้องต่อศาลเรียกทรัพย์คืน

ทั้งที่ที่ดืนดังกล่าวเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติและต่อมาถูกประกาศเป็นที่ดินเพื่อการเกษตรให้สปก.เข้ามาดูแล 

โดยคำพิพากษาทั้งสามชั้นดังกล่าวเป็นไปทำนองเดียวกันคือสั่งให้นาง ณรีพัฒน์ ผู้ครอบครองจ่ายเงินค่าเสียประโยชน์เป็นจำนวนเงินเดือนละ50,000 บาท นับแต่วันฟ้องถึงวันส่งมอบคืนทรัพย์สินเป็นเงินกว่า ห้าล้านบาท. ให้เจ้าของเดิมที่ทิ้งร้างไปกว่า 10ปีได้กลับมาเรียกร้องผลประโยชน์ พร้อมทั้งห้ามรื้อถอนทรัพย์สินใดๆที่นาง ณรีพัฒน์ ได้กระทำ ต่อเติม สร้าง ขึ้นมาตลอด20ปี ออกจากพื้นที่ 

ทำให้นาง ณรีพัฒน์ เกรงกลัวต่อคำสั่งศาลนี้มาก จึงอพยพหนีลงจากพื้นที่เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรมจากองค์กรศาลเพื่อให้ตรวจสอบคำพิพากษา ที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่า ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ขอใช้พท.จากกรมป่าไม้ กำหนดเงื่อนไขให้ทำการเกษตร เท่านั้น ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกหรือฃื้อขาย แต่ผู้ได้รับใบอนุญาตนำที่ดินและทรัพย์สินส่งมอบการครอบครองให้นายตำรวจนั้นไปนานแล้วรับเงินไปจำนวนสามล้านบาท นำไปชำระหนี้ให้กับธนาคารแห่งหนึ่งเรียบร้อยไปแล้ว

อันถือเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้ที่ดินแล้ว

ต่อมาเมื่อนาง ณรีพัฒน์ เข้าไปปรับปรุงกิจการ มีการก่อสร้างเพิ่มเติม เจ้าของเดิมก็ได้ลงนามเปลื่ยนแปลงให้นาง ณรีพัฒน์ เป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมและเจ้าของไฟฟ้าแทน นาง ณรีพัฒน์จึงได้ดำเนินกิจการมีชื่อเสียงโด่งดังปักธงไทยบนที่ดินนี้ได้ 

และที่ดินดังกล่าวครม.ได้ประกาศให้เป็นที่ดืนสปก. นาง ณรีพัฒน์ จึงยื่นเรื่องขอให้มาทำการรังวัด สปก.ได้เข้ามารังวัดเรียบร้อยแล้วแต่ปรากฎว่ามีการกลั่นแกล้งจากข้าราชการทั้งกรมการปกครอง ทั้งสปก. อ้างว่า การรังวัดนั้นจนท.ไม่ได้นำเข้าระบบทำให้ไม่สามารถมอบสิทธิทำกินให้นาง ณรีพัฒน์ ได้ และศาลยังได้ตัดสินสั่งให้ นาง ณรีพัฒน์ ไปยื่นเรื่องขอถอนชื่อจากการรังวัดออกจากสปก.ด้วย 

นอกจากนี้ดินแดนแห่งนี้ทั้งที่ราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ต่างรู้กันว่าเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติแต่กลับปล่อยให้มีการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ถึง 31 แห่ง ได้อย่างไร 

อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงคนก่อนยังสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโรงแรมของเธอ ขณะที่โรงแรมอื่นๆกลับสามารถเปิดดำเนินการ ได้ ปกติ

เป็นมหากาพย์ในการกลั่นแกล้งรวมหัวกันของข้าราชการหลายหน่วยงานกับหญิงไทยรายนี้ อย่างที่ต้องเรียกร้องความยุติธรรมกันต่อไป