มูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพหลวงพ่อวิริยังค์ ประกาศเปลื่ยนตัวทีมบริหารสถาบันฯใหม่ ล้างบางภาพพจน์ที่มัวหมอง
มูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพหลวงพ่อวิริยังค์ ประกาศเปลื่ยนตัวทีมบริหารสถาบันฯใหม่ ล้างบางภาพพจน์ที่มัวหมอง
เมื่อวันที่4 มกราคม 2564 มีประกาศจากมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพ หลวงพ่อวิริยังสุรินฺธโร เรื่อง การบริหารหลักสูตรสมาธิและสาขาสถาบันพลังจิตตานุภาพ โดยคณะกรรมการมูลนิธิฯประกอบด้วย นาย มีชัย ฤชุพันธ์ , พระครูปลัดมงคลวัฒน์ , นาย วิษณุ เครืองาม , นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, นาย ศิริธัช โรจนพฤกษ์ และ นายชัช ชลวร ฯลฯ ได้ลงนามประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและสาขาสถาบันพลังจิตตานุภาพ ชุดใหม่ ประกอบด้วย พระครูปลัดมงคลวัฒน์ พระครูปลัดสุวัฒนพรหมมงคลคุณ , นาย ศิริธัช โรจนพฤกษ์ ,นาย ณรงค์ ทัศนนิพันธ์,นาย ชาญชัย มโนมัยพิบูลย์,นาง ประพีร์ บุรี , นางสาว ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ , นาย ไชยเชษฐ์ พงษ์ตระกูล ดำรงตำแหน่งแทนคณะกรรมการชุดเดิม ที่ทำหน้าที่มาอย่างช้านานเป็นเวลาหลายสิบปี
พลันที่หลายคนทราบประกาศดังกล่าวล้วนแล้วแต่แสดงความยินดีต่อการเปลื่ยนแปลงที่หวังจะทำให้ภาพพจน์ของผุ้ปฎิบัติธรรมทั้งที่เรียนจบและกำลังจะมาเรียนหลักสูตรครูสมาธิ ได้อยู่ในสภาพที่สะอาดทั้งกายและใจของครูผู้สอนและผุ้มาเรียนตลอดจนการบริหารที่อยุ่ในศีลในธรรม ไม่ใช่เป็นการค้า เป็นการเล่นพวก เป็นการประพฤติไม่ชอบ อย่างที่คนจำนวนมากต่างกล่าวถึงและมีปัญหาในการบริหารมาโดยตลอดก็ตาม
ในกรรมการบริหารชุดใหม่นี้ก็ยังติดคนเก่าไว้หนึ่งคนฃึ่งก็ยังเป็นคนที่มีปัญหาไม่เป็นที่ยอมรับทั้งพระทั้งบุคคล เนื่องจากนายคนนี้ดูแลเรื่องบัญชี มีฝีปากก้าวร้าวคนทั่วไปไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า ครั้งหนึ่งมีเรื่องเล่าว่า นายคนนี้ได้กล่าวกับผู้ดูแลสาขาสถาบันคนหนึ่งที่พวกตัวเองสั่งปิดสาขา ว่า ผู้ดูแลสาขารายนี้ทำบาปเพราะคนที่สั่งปิดคือหลวงพ่อวิริยังค์ ขณะที่หลวงพ่อวิริยังค์ ได้เรียกประชุมพิจารณาการสั่งปิดสาขานี้โดยพละการของคณะกรรมการชุดเดิมว่า “กว่าจะตั้งสาขาไม่ใช่เรื่องง่าย จะไปปิดเขาได้อย่างไร”
นอกจากนี้ในการสั่งปิดสาขาโดยพละการของคณะกรรมการชุดเดิมแล้ว คณะกรรมการชุดนั้นยังสั่งห้ามอาจารย์ไปสอนที่สาขาแต่สาขานั้นก็ยังเปิดสอนได้เพราะมีอาจารย์ที่ปฎิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อเมตตามาสอนแทน จากนั้นบรรดาอาจารย์หลายคนที่เป็นพวกของคณะกรรมการชุดเดิมนั้นก็ได้หาทางกลั่นแกล้งสาขาในรูปแบบต่างๆจนล่าสุดมีอาจารย์คนหนึ่งมาสอนที่สาขานี้แล้วถ่ายภาพนักศึกษาที่มาเรียนนำไปโพสประจานในกลุ่มอย่างหมดสิ้นสภาพความเป็นอาจารย์สอนสมาธิ ทำให้เจ้าของสถานที่ที่อนุญาตให้ใช้เป็นสาขาเห็นว่า หากมีคนไม่ดีบริหารสถาบันอยู่อย่างนี้ ก็จะทำให้สถาบันเสื่อมจนเป็นที่หมดศรัทธา จึงทำหนังสือถึงพระครูปลัดมงคลวัฒน์ขอปิดสาขาประท้วงที่มูลนิธิปล่อยให้มีการบริหารงานฉาวโฉ่มาช้านาน โดยไม่จัดการให้เหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการขายสินค้า การหาเงิน การลอบนำเงินไปใช้ทางอื่นฃึ่งน่าจะมีการตรวจสอบต่อไป หลายผู้คนจึงคาดหวังว่า สถาบันพลังจิตตานุภาพจะมีการเปลื่ยนแปลงที่ดีขึ้น เป็นที่ศรัทธาของผู้คนที่ได้เข้าไปเรียน โดยเฉพาะตัวอาจารย์ผู้สอนต้องเป็นแบบอย่างของคนผู้ฃึ่งได้ฝึกและปฎิบัติมานานเพียงพอไม่ใช่จบใหม่มาสอบก็เป็นอาจารย์ได้แล้ว
ใส่ความเห็น