เปิดที่มาของ1MDBอุบัติการณ์โค่นอดีตนายกมาเลเฃียส่งผลโค่นนายกรัฐมนตรีไทยหนึ่งในเรื่องที่อนาคตใหม่ออกมาแฉ 

มันคือหนึ่งในคดีอื้อฉาวทางการเงินที่ใหญ่และโด่งดังที่สุดในโลก

เงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่มีไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชนมาเลเซียในกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ1 มาเลเซียดีเวลอปเมนต์เบอร์ฮัดหรือ1MDB หายเข้าสู่ระบบการเงินโลกอย่างมีเงื่อนงำ

อัยการสหรัฐฯและมาเลเซียระบุว่าเงินดังกล่าวไหลเข้าสู่กระเป๋าของผู้ทรงอิทธิพลเพียงไม่กี่คนซึ่งพวกเขานำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูเครื่องบินส่วนตัวและงานศิลปะของจิตรกรเอกของโลกอย่างแวนโก๊ะและโเนต์รวมทั้งนำไปลงทุนสร้างหนังดังของฮอลลีวูด

เสียงต่อต้านกรณียักยอกเงินกองทุน1MDB ของมาเลเซียดังก้องไปทั่วโลกโดยเจ้าหน้าที่รัฐในอย่างน้อย6 ประเทศได้เข้าสอบสวนเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่โยงใยกันตั้งแต่ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ไปจนถึงธนาคารในเกาะที่ใช้เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษีและธนาคารในใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรณีอื้อฉาวนี้ยังนำไปสู่การโค่นอำนาจพรรคอัมโนซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ปกครองมาเลเซียมาตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากอังกฤษ

ด้านโกลด์แมนแซกส์สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกที่กำลังเผชิญข้อกล่าวหาในคดีอาญาในมาเลเซียก็ประกาศจะสู้เต็มที่กับคำฟ้องของทางการมาเลเซีย

ในขณะที่เพลย์บอยคนหนึ่งซึ่งถูกตั้งข้อหาทั้งในสหรัฐฯและมาเลเซียก็กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนีคดีส่วนเรือยอชท์สุดหรูมูลค่า250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(เกือบ8 พันล้านบาท) ของเขาขณะนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของทางการแล้ว

สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งนายนาจิบราซัคอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและอดีตประธานกรรมการที่ปรึกษาของกองทุน1MDB ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีที่ทุจริตอื้อฉาวของกองทุนนี้เป็นครั้งแรกในวันที่3 เม.ย. หลังถูกจับกุมเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งหากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดก็จะต้องเผชิญโทษจำคุกหลายสิบปี

คดีอื้อฉาวครั้งนี้มีตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายจนกลายเป็นเรื่องราวระดับโลกตั้งแต่ผู้สื่อข่าวที่ตามขุดคุ้ยเส้นทางการเงินไปจนถึงบุคคลทรงอิทธิพลที่ได้ประโยชน์จากกรณีนี้ซึ่งบีบีซีจะพาไปดูว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง

จุดศูนย์กลางของเรื่องนี้ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบุคคลทรงอิทธิพลผู้ไม่มีใครแตะต้องได้และเป็นผู้ก่อตั้งกองทุน1MDB ขึ้นในปี2009 เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตทว่าในอีก9 ปีต่อมากองทุนนี้กลับเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งนายนาจิบและกลุ่มการเมืองของเขาถูกโค่นลงจากอำนาจ

การจะทำความเข้าใจในตัวนายนาจิบนั้นจะต้องศึกษาให้ลึกลงไปที่รากเหง้าของเขา

นายนาจิบมาจากตระกูลของชนชั้นนำทางการเมืองมาเลเซียเขาเป็นบุตรชายคนโตของนายอับดุลราซัคนายกรัฐมนตรีคนที่2 ของมาเลเซียและยังมีศักดิ์เป็นหลานชายของนายกรัฐมนตรีคนที่3 ของประเทศ

ดังนั้นตอนที่เขาก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอัมโนและนายกรัฐมนตรีคนที่6 ของมาเลเซียเมื่อปี2009 จึงสามารถพูดได้ว่านายนาจิบได้เข้ารับตำแหน่งที่เขาถูกวางตัวเอาไว้แล้ว

นายนาจิบถูกมองว่าเป็นผู้นิยมชมชอบในความเป็นอังกฤษเขาจบการศึกษาจากมัลเวิร์นคอลเลจโรงเรียนเอกชนชื่อดังของอังกฤษก่อนที่จะศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมที่มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม

ทั้งประวัติส่วนตัวและการใช้วาทกรรมเกี่ยวกับความสำคัญของ”อิสลามสายกลาง” ทำให้นายนาจิบเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับบรรดาผู้นำชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีเดวิดคาเมรอนของอังกฤษและอดีตประธานาธิบดีบารัคโอบามาของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายนาจิบก็ดูเหมือนจะมีความอึมครึมมาตั้งแต่ต้นจากข้อครหาเรื่องเรื่องสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำฝรั่งเศสเมื่อปี2002 สมัยที่เขานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมโดยตอนนั้นมีข้อกล่าวหาว่ามีการจ่ายเงินสินบน130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการทำสัญญาจัดซื้อมูลค่า1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯแต่นายนาจิบปฏิเสธมาโดยตลอด

การฆาตกรรมนางแบบชาวมองโกเลียซึ่งทำหน้าที่ล่ามในการทำสัญญาซื้อขายครั้งนั้นก็ยิ่งทำให้เกิดคำถามในเรื่องนี้ขณะที่การสอบสวนของทางการฝรั่งเศสกำลังดำเนินไปรัฐบาลชุดใหม่ของมาเลเซียก็รื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้งโดยที่นายนาจิบยืนกรานว่าไม่เคยพบกับนางแบบสาวคนดังกล่าว

นายนาจิบก่อตั้งกองทุน1MDB ขึ้นเมื่อปี2009 แต่สัญญาณความผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นในปี2015 ตอนที่กองทุนผิดนัดชำระหนี้1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้แก่ธนาคารและบรรดาผู้ถือหุ้นกู้แม้ว่าจะคณะสอบสวนและผู้สื่อข่าวจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

ในเดือนก.ค. 2016 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯยื่นฟ้องคดีแพ่งที่กล่าวหาว่ามีการยักยอกทรัพย์กว่า3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปจากกองทุนนี้ภายหลังมีการเพิ่มยอดเงินเป็นกว่า4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นางลอเร็ตต้าลินช์อัยการสูงสุดสหรัฐฯในขณะนั้นระบุว่า”เจ้าหน้าที่ขี้ฉ้อหลายคน…จัดการกับกองทุนของรัฐราวกับเป็นบัญชีธนาคารส่วนตัว”

คดีความดังกล่าวเปิดเผยชื่อผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดเกือบทั้งหมดยกเว้น”เจ้าหน้าที่อันดับ1 ของมาเลเซีย” (Malaysian Official 1 – MO1) ซึ่งภายหลังรัฐบาลมาเลเซียเองได้ยืนยันว่านายนาจิบคือบุคคลที่ถูกอัยการสหรัฐฯกล่าวหาว่ารับเงินที่ยักยอกมาจากกองทุน1MDB มูลค่า681 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแต่ได้นำเงินส่วนใหญ่กลับไปคืนแล้ว

ทางการมาเลเซียได้ให้นายนาจิบรอดพ้นข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำผิดทั้งหมดในขณะที่เขายังอยู่ในตำแหน่งแต่หลังจากเขานำพรรคอัมโนพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้วชะตากรรมของเขาก็เริ่มพลิกผัน

ที่พักหลายแห่งของเขาถูกตำรวจบุกเข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินหรูจำนวนมากรวมทั้งเงินสด28.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯปัจจุบันเขาถูกตั้งข้อหาในคดีเกี่ยวกับการทุจริตฟอกเงินและใช้อำนาจโดยมิชอบทั้งสิ้น42 กระทง

นายนาจิบปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

บทสรุป

นายนาจิบซึ่งพัวพันกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชันมาอย่างต่อเนื่องได้ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจำนวนราว700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว2.3 หมื่นล้านบาท) จากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติหรือ1MDB

เขาถูกสอบสวนในข้อหาทุจริตนับตั้งแต่พ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาโดยปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด

แหล่งข่าวใกล้ชิดครอบครัวนายนาจิบ2 คนกล่าวกับรอยเตอร์ว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวเขาจากบ้านพักหลังจากแสดงหมายจับโดยคาดว่าในวันพุธนี้เขาจะถูกตั้งข้อหาในชั้นศาล

ตำรวจได้บุกเข้าตรวจอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับนายนาจิบตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาและกล่าวว่าพบทรัพย์สินและเงินสดมูลค่ารวมกว่า273 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(ราว9 พันล้านบาท)

นายนาจิบปฏิเสธข้อหาเกี่ยวกับคอร์รัปชันมาโดยตลอดและไม่เคยถูกดำเนินคดีขณะที่อยู่ในอำนาจแต่ณขณะนี้เขากำลังถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ของหลายประเทศ

ถถหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายนาจิบและภรรยาพยายามเดินทางออกนอกประเทศโดยอ้างว่าจะไปพักผ่อนกับครอบครัวเป็นระยะเวลาสั้นๆแต่ถูกทางการสั่งห้าม (ที่มาBBC thai)

วันนี้ ช่อ พรรณิการ์ คณะอนาคตใหม่ นำออกมาแฉให้ปชช.ช๊อคทั้งปท

https://www.facebook.com/FWPthailand/videos/3025054727506800/