ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องธนาธรปิยบุตรอนาคตใหม่ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยแต่แนะแก้ไขข้อบังคับพรรค

พรรคอนาคตใหม่รอดจากคดียุบพรรคเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่ายังไม่มีการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแต่แนะนำคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สั่งแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา12.10 . คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายนุรักษ์มาประณีตเป็นประธานออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่นายณฐพรโตประยูรอดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ.. 2560 มาตรา49 โดยมีนายทวีเกียรติมีนะกนิษฐตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้อ่านคำวินิจฉัยใช้เวลาเพียง10 นาที

คดีนี้ศาลได้วินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวคือการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง4 ประกอบด้วยอนค., นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรค, นายปิยบุตรแสงกนกกุลเลขาธิการพรรคและกก.บห. เข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่โดยศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง4 ไม่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามมาตรา49 วรรคหนึ่ง

นายทวีเกียรติเริ่มต้นอ่านคำวินิจฉัยศาลซึ่งพิจารณาตามคำร้องคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบที่ผู้ร้องอ้างถึงการออกข้อบังคับพรรคนโยบายพรรคและภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(...) ว่าด้วยพรรคการเมือง.. 2560 มาตรา14(1) และ15(2)

ศาลเห็นว่าข้อบังคับพรรคเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการจัดตั้งพรรคการเมืองอันเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนตาม...พรรคการเมืองซึ่งต่อมานายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของกกต. ก็ได้รับจดทะเบียนจดตั้งพรรคและมีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว

กรณีนี้ย่อมแสดงว่าข้อบังคับพรรคของผู้ถูกร้องที่1 ไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุตอนหนึ่ง

นายทวีเกียรติอ่านคำวินิจฉัยต่อไปว่าอย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าข้อบังคับพรรคไม่เป็นไปตามมาตรา14 และ15ของ...พรรคการเมืองจึงเป็นหน้าที่และอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะรายงานไปไปยังกกต. ให้เพิกถอนข้อบังคับพรรคได้.. ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าผู้ถูกร้องทั้ง4 ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามมาตรา49 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ

การยื่นคำร้องของผู้ร้องนี้คงเป็นเพียงข้อห่วงในฐานะพลเมืองต่อสถาบันกษัตริย์และระบอบการปกครองของประเทศนายทวีเกียรติกล่าว

ส่วนข้อบังคับอนค. ที่ใช้ถ้อยคำว่าหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญศาลเห็นว่าการใช้ถ้อยคำในข้อบังคับของพรรคควรให้ชัดเจนไม่คลุมเครือแตกต่างจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา2 ที่ระบุว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันอาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติซึ่งกกต. มีหน้าที่และอำนาจจะให้พิจารณาเพิกถอนข้อบังคับพรรคได้ตามกฎหมายและสมควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไป

ส่วนกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ถูกร้องที่2-4 (นายธนาธร, นายปิยบุตร, กก.บห.) คลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตกเป็นขบวนการปฏิกษัตริย์นิยมมีแนวความคิดต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทยปรากฏผ่านคำให้สัมภาษณ์สื่อการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนต่างศาลเห็นว่าการพิจารณาว่าบุคคลใดสิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา49 วรรคหนึ่งจะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายได้ถึงระดับที่วิญญูชนควรจะคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยการกระทำนั้นจะต้องดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเห็น

แต่สิ่งที่พบในคำร้องเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเทอร์เน็ตและยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องทั้ง4กระทำการตามที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้างกรณีจึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ

ส่วนกรณีการกระทำอื่นใดของผู้ถูกร้องทั้ง4 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องไปว่าตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

กก.บห.อนค. ที่มีนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยศาลแต่อย่างใดและไม่มอบหมายแม้กระทั่งทนายความเข้าฟังคำวินิจฉัยของศาลมีเพียงมวลชนผู้สนับสนุนพรรคสีส้มราว10 คนเดินทางมาติดตามสถานการณ์อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญศูนย์ราชการ.แจ้งวัฒนะอีกทั้งยังได้รับความสนใจจากผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตและองค์กรระหว่างประเทศกว่า10 องค์กรร่วมสังเกตการณ์ในห้องพิจารณาคดี

ด้านนายณฐพรกล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าถือว่าภารกิจสำเร็จแล้วที่ทำให้คนไทยช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะเมื่อศาลบอกให้แก้ไขข้อบังคับพรรคส่วนคดีล้มล้างการปกครองฯแม้ยังไม่เข้าองค์ประกอบแต่ก็เป็นเรื่องที่กกต. สามารถนำไปดำเนินการต่อไปได้

เวลา13.04 . นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนค. กับปิยบุตรแสงกนกกุลเลขาธิการพรรคกก.บห. และ.. อนค. 76 คนแถลงข่าวภายหลังฟังคำวินิจฉัย

นายปิยบุตรกล่าวว่ากรณีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรกและย้ำว่าเขานายธนาธรและอนค. ไม่ได้มีความคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายปิยบุตรกล่าวว่าสิ่งที่พรรคดำเนินการคือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคงให้ยั่งยืนเพราะว่าระบอบนี้ไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้กับการรัฐประหารสืบทอดอำนาจ

การยึดอำนาจประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับตั้งตัวเองเป็นรัฎฐาธิปัตย์ต่างหากที่เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังนั้นจึงมิใช่ประชาชนจึงมิใช่พรรคการเมืองที่คิดล้มล้างการปกครอง

แม้วันนี้คำร้องยุบพรรคจะถูกยกออกไปแต่ก็ยังมีกระบวนการร้องยุบพรรคที่ต้องการทำลายอนาคตใหม่อยู่อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ทางพรรคยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการฟ้องร้องกลับผู้ร้อง(นายณฐพร) เพราะเห็นว่าการร้องกันไปมาไม่เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการประชาธิปไตย

การร้องยุบพรรคก็ดีกระบวนการนิติสงครามก็ดีมิใช่หนทางที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยยั่งยืนได้นายปิยบุตรกล่าว

เลขาธิการพรรคอนค. แสดงความมั่นใจว่าคดีเงินกู้พรรคไม่ผิดและไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคเนื่องจากไม่มีกฎหมายใดห้ามและมีหลายพรรคที่กู้เงินอีกทั้งเงินกู้ไม่ใช่รายได้

ฝากถึงบรรดานักร้องว่าในเมื่อกฎหมายไม่เข้าต้องยอมรับและยุติ

ด้านนายธนาธรขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคที่ให้กำลังใจอนค. จะเดินหน้าทำงานสองขาทั้งในสภาและนอกสภาโดยจะเดินหน้าทำงานอย่างสร้างสรรค์และตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน

ผมจะไปพบปะพ่อแม่พี่น้องทั่วทุกภูมิภาคและผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้งยาวนานได้นายธนาธรกล่าวพร้อมกับประกาศเดินหน้ารณรงค์ผลักดันกฎหมายในช่วง2-3 เดือนข้างหน้าเช่นร่าง...ยกเลิกคำสั่งคสช. 17 ฉบับร่าง... คุ้มครองสิทธิแรงงานร่าง... ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับและร่าง...สุราก้าวหน้า

 

ที่มา  BBC ไทย

ขอขอบคุณ