เตือนผู้ใช้ถนนจันทบุรี-สระแก้ว ระวังกองบังคับการตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทราจับแหลกขับเร็วเกินกำหนดปรับมหาโหด500บาท
ผู้ใช้ถนนข้องใจกองกำกับการ3กองบังคับการตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรานำกล้องมาจับความเร็วบนถนนสายจันทบุรี–สระแก้วหลักก.มที่16 หารายได้หนักจับแหลกแม้ความเร็วเกินก.มกำหนดเพียงเล็กน้อย
ผู้ใช้รถทะเบียน4กก233 ถนนสายจันทบุรี–สระแก้วเปิดเผยวีคลี่นิวส์ว่าเมื่อไม่นานมานี้ตนได้รับใบสั่งทางไปรษณีย์ว่าขับรถเร็วเกินก.มที่กำหนดไว้90 ก.มต่อช.มโดยความเร็วที่จับได้อยู่ที่110 ทั้งที่ปกติตนจะขับอยู่ที่90-100 ก.มต่อช.มเท่านั้น
ตนสงสัยมากว่าใบสั่งดังกล่าวออกมาจากกองกำกับการ3 กองบังคับการตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรามีจุดประสงค์อย่างไรจึงนำกล้องเป็นจำนวนมากมาติดตั้งเป็นราวบริเวณหลักก.มที่16 และกล้องนั้นมีความเที่ยงตรงจริงหรือไม่เมื่อถนนสายนี้มี4ช่องจราจรเป็นถนนหลักที่ควรพิจารณาว่าระดับความเร็วควรจะอยู่ที่90ก.มต่อช.มหรือไม่เมื่อขณะที่ยังไม่มีการแก้ไขก.มให้สัมพันธ์กับถนนตำรวจควรจะทำอะไรที่ดีได้มากกว่านี้หรือไม่
ผู้ใช้ถนนเส้นทางนี้กล่าวว่า ตนวิ่งประจำการติดตั้งกล้องจำนวนมากเป็นราวหลายตัวเป็นสิ่งที่ดีแต่ควรใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่ามานั่งเฝ้าจับคนขับเร็วเกินกำหนดเพียงเล็กน้อย
เพราะถนนสายนี้มีสิ่งที่ควรนั่งเฝ้าดูกล้องจับรถบรรทุกที่ขนเกินนำ้หนักขนสิ่งของออกชายแดนด่านถาวรเป็นจำนวนมากในตอนกลางคืนฃึ่งตนเชื่อว่าการเฝ้าจับเช่นนี้จะเกิดประโยชน์มากกว่าจึงอยากจะดูผลงานการจับของหน่วยงานนี้ว่า“ได้มีการจับรถบรรทุกหนักเกินก.มกำหนด”ได้หรือไม่จึงน่าจะมีการพัฒนากล้องเพื่อใช้ในการนี้ด้วยคงจะมีประโยชน์หลายทางและนำรายได้เข้ารัฐได้มากกว่าที่จะมานั่งจับความเร็วในระดับเล็กน้อยที่คนขับอาจมีการเผลอตัวบ้างในบางเวลา
โดยเฉพาะค่าปรับมหาโหดที่เรียกถึง500 บาทนี้ถือว่าเป็นค่าปรับที่มากเกินเหตุเกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำเพียงลงทุนจ้างคนมานั่งเฝ้าจอดูวันหนึ่งก็คงคุ้มค่าแรงด้วยจุดประสงค์อะไรเป็นสำคัญ
กองกำกับการ3 ตั้งอยู่ฉะเชิงเทราแต่กินขอบเขตกว้างไกลมาถึงจันทบุรีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแต่ค้ากำไรเกินควรน่าที่รัฐบาลจะหยิบยกไปพิจารณาว่าค่าปรับที่แพงมหาโหดจะมีผลกระทบต่อการกินอยู่ของปชช.มากเกินไปหรือไม่
หากพอสมควรปชช.ก็คงยินยอมจ่ายแต่ถ้ามากเกินไปอย่างนี้คดีคงต้องไปคาบนศาลเพราะปชช.ไม่มีเงินจ่ายการจะไปอายัดทะเบียนไม่ให้ขนส่งต่อทะเบียนให้อีกปชช.คงต้องไปพึ่งศาลปกครอง
ดังนี้แล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรเป็นต้นเรื่องในการสร้างความสุขให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยการเสนอเปลื่ยนแปลงค่าปรับให้พอประมาณไม่ใช่ขูดรีดหาเงินระดับเงินค่าปรับอาจพิจารณาจากความเร็วเป็นลำดับขั้นไม่ใช่ทุกกรณีปรับ500 บาทหมดโดยเฉพาะ“การตักเตือน”เป็นสิ่งที่ควรมอบให้แก่ปชช.
ที่สำคัญไม่ควรมีสินบนนำจับให้ตำรวจเพราะถือเป็นการปฎิบัติหน้าที่ได้รับจากเงินเดือนอยู่แล้ว เพราะการมีสินบนนำจับเป็นบ่อเกิดแห่งความอยากความโลภทำให้มักเกิดการกระทบกระทั่งกับปชช.ที่ถูกจับตลอดเวลาทั้งที่ตำรวจควรจะทำหน้าที่ได้ทั้งเป็นคุณและโทษในขณะเดียวกันได้อย่างที่ตำรวจบางคนมีจิตสำนึกที่ดีต่อการทำหน้าที่เป็นที่น่าชมเชยของสังคม
ใส่ความเห็น