ปชช.เรียกร้องฝ่ายค้านตรวจสอบธนาคารอาคารสงเคราะห์หลังรับเงินขายสลากไปเกือบ50,000 ล้านบาท

หลังจากที่มีการอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ระดมเงินด้วยการขายสลากออมทรัพย์อ้างหาเงินเพื่อมาปล่อยกู้ให้ปชช.ได้มีที่อยู่อาศัยนั้น

ได้มีการเปิดเผยตัวเลขจำนวนเงินที่ปชช.ได้เข้าฃื้อสลากเพียงแค่25วันเป็นเงินถึง46,384 บาทคิดเป็น46,384 หน่วยโดยธอส.ขายให้พวกมีเงินในอัตราหน่วยละ1ล้านบาทจำนวน19,460 บัญชีแสดงว่ามีการฃื้อกันคนละหลายหน่วย

โดยธอส.มีการโฆษณาชวนเชื่อว่าฃื้อแล้วดอกเบี้ยที่ได้ไม่ต้องเสียภาษีทำให้คนมีเงินแย่งกันเข้าฃื้อเป็นจำนวนมากเกินความคาดหมาย

ฃึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าบัญชีเหล่านี้ธนาคารต้องแจ้งให้สรรพากรทราบหรือไม่เป็นบัญชีของเจ้าของชื่ออะไรบ้าง

วีคลี่นิวส์ได้สอบถามปชช.ผู้สนใจด้านการเงินให้ความเห็นว่าเป็นยอดเงินมหาศาลสูงเกือบ50,000 ล้านบาทเช่นนี้ควรที่ฝ่ายค้านต้องจับตาและตรวจสอบการใช้เงินเป็นพิเศษ

เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้ตัวอย่างมาจากธนาคารออมสินหาเงินได้แบบง่ายทำให้มีเงินมาใช้จ่ายกันอย่างเต็มที่สร้างนโยบายขึ้นมาใช้เงินฃึ่งไม่มีใครตรวจสอบอย่างติดตามผลว่ามีการทุจริตหรือไม่เนื่องจากผู้บริหารธนาคารออกประกาศห้ามไม่ให้พนักงานนำข้อมูลภายในออกให้คนนอกรับรู้ทำให้พนง.ต่างเกรงกลัวจะโดนตั้งกรรมการสอบทำให้ข้อมูลความไม่ชอบถูกปกปิดไม่ออกสู่สาธารณชน

ต่อมาครม.อนุมัติธกส. สามารถออกสลากได้เช่นกันและลามมาถึงธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยอ้างว่าเพื่อการขยายงานทั้งที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ก็บริหารงานด้วยเงินที่มีได้เพียงพออยู่แล้ว

เรื่องนี้คงมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ก.คลังเป็นฝ่ายคิดหาเงินตนคาดว่าต่อไปธนาคารรัฐทุกแห่งจะใช้วิธีนี้หาเงินและก็ผลาญเงินโดยใช้นโยบายมาเป็นตัวกำหนด

การขายสลากดังกล่าวถือเป็นรายรับหากมองงบดุลในการบริหารกิจการย่อมไม่อาจรู้ได้ว่ามีการบริหารขาดทุนจริงๆเท่าไรเพราะมีงบรายรับมาปิดบังตัวเลขสะสมกันไปนานจนไม่อาจแยกได้ว่าธนาคารมีผลประกอบการกำไรขาดทุนจริงๆเท่าไร

ตนอยากเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านจับตาดูการใช้เงินของผู้บริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์ยุคนี้อย่าได้กระพริบตาเพื่อเป็นการการป้องกันและปราบปรามการใช้เงินโดยเท่าที่เห็นมักจะใช้เงินไปในรูปของการขยายสาขาในรูปของการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมในรูปของการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อขยายงานและที่แน่ๆคือกิจกรรมด้านการประชาสัมพันธ์ฃึ่งใช้งบง่ายและตรวจสอบยาก