ศาลล้มละลายไม่สนเสียงร้องปชชใช้ที่ราชการหากินในราคาแพงแล้วยังใช้งบประมาณภาษีปชช.ติดตั้งเครื่องบอดี้สแกนเกินความจำเป็นอีก 

ตามที่วีคลี่นิวส์ได้เสนอข่าวปชช.ร้องทุกข์ต่อกรณีศาลล้มละลายเปิดให้เอกชนเข้ามาใช้สถานที่ราชการหากินด้วยบริการรับถ่ายเอกสารในราคาแผ่นละ3บาทเป็นเวลานานหลายปีมาแล้ว ขณะที่ศาลปกครองกลางฃึ่งอยู่ใกล้กันบริการเพื่อปชช.เพียงใบละ.50 บาท เท่านั้น

นอกจากนี้ปชชยังได้ถ่ายรูปพนักงานศาลช่วยทำงานให้กับเอกชนรายนี้ด้วย โดยวีคลี่นิวส์ได้นำเสนอข่าวความทุกข์ของปชช.ที่จ่ายแพงนี้ให้ประธานศาลฎีกาได้รับทราบและตามข่าวต่อไปยัง นาย ประธาน ทัศนปริชญานนท์  เลขานุการศาลล้มละลาย เมื่อปีก่อน โดยนายประธาน ได้กล่าวตอบในขณะนั้นว่า  ยังไม่เห็นหนังสือจากศาลฎีกา แต่แม้ไม่เห็นถ้าทราบเรื่องนี้แล้วก็จะตรวจสอบให้

จนเมื่อวานนี้ (27มีค62 เวลา 14.30 ) วีคลี่นิวส์ได้รับทราบจากชายคนหนึ่งฃึ่งถ่ายเอกสารจากเอกชนรายนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วว่า “ค่าถ่ายเอกสารแพงมาก” วีคลี่นิวส์จึงได้สอบถามว่าราคาเท่าไร  ชายผู้นั้นและเจ้าของร้านถ่ายเอกสารได้ตอบว่า ใบละ3บาท 

แสดงว่า ศาลล้มละลายไม่ได้สนใจในความทุกข์ของปชชที่บางคนบอกว่าจ่ายค่าถ่ายเอกสารถึง หกร้อยบาท (กรณียื่นอุทธรณ์ 17 ชุด ) 

วีคลี่นิวส์ ได้ตรวจสอบพบว่า นอกจากศาลล้มละลายจะไม่สนใจเสียงร้องทุกข์ของปชชแล้ว ยังนำป้ายมาติดบริเวณที่ถ่ายเอกสารอีกว่า “ ห้ามถ่ายรูปบริเวณศาล”

นอกจากนี้ สิ่งที่วีคลี่นิวส์ มีความข้องใจในการใช้งบประมาณของปชช.ในบริเวณศาลนี้คือ การนำเครื่องบอดี้สแกนมาติดไว้ทุกชั้น ทั้งที่ชั้นล่างก่อนเข้าบริเวณศาลก็มีเครื่องตรวจวัตถุสิ่งของขนาดใหญ่พร้อมรปภ.จำนวนมากตรวจสอบคนเข้าออกอยู่แล้ว 

ทำไมจึงต้องมีเครื่องบอดี้สแกนใหม่เอี่ยมมาตั้งวางพร้อมรปภ.ประจำเครื่อง ทุกชั้นอีก 

จำเป็นหรือไม่อย่างไรที่ต้องนำงบประมาณภาษีของปชช.มาใช้ในลักษณะเช่นนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับทอท.ที่เช่าเครื่องบอดี้สแกนจากเอกชนติดตั้งในสนามบินมีราคาค่าเช่าอยู่ที่เดือนละ640000บาท ต่อเครื่อง มีระยะเวลาเช่าอยู่ที่ 5ปี คิดเป็นเงินถึง 38ล้านต่อเครื่อง ขณะที่ราคาเครื่องจริงที่อเมริกา มีราคาฃื้อขายอยู่ที่ 5ล้านบาทเศษ และสตง.ได้เข้าตรวจสอบทอท.ในเรื่องดังกล่าวอยู่ขณะนี้

ราษฎรอาวุโส ให้ความเห็นเกี่ยวกับ การที่ศาลยุติธรรม ใช้อำนาจในการสั่งห้ามปชช.ถ่ายรูปในบริเวณศาลว่า เป็นการปิดกั้นการกระทำที่อาจจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นในศาล โดยใช้อำนาจว่าด้วยการ”ละเมิดอำนาจศาล”มาข่มขู่ปชช.

สำหรับตนแล้ว “ไม่เห็นด้วย” เพราะสถานที่ราชการไม่ใช่สถานที่เป็นความลับ เป็นความมั่นคง สถานที่ราชการเป็นสถานที่ของปชช. เป็นเงินของปชช.เป็นสถานที่ที่ปชช.สามารถเข้าไปใช้บริการ เมื่อเห็นสิ่งไม่ดีย่อมมีสิทธิที่จะนำมาร้องเรียน นำมาร้องทุกข์ ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่เอามาใช้ปิดปาก ปิดตา ปชช.

กรณีเอาสถานที่ราชการไปให้เอกชนเช่าทำมาหากิน อาจจะเป็นเพราะมีการคิดค่าเช่าที่แพงโดยไม่ได้มีการคำนึงว่ามีไว้เพื่อบริการอำนวยความสะดวกให้กับปชช.อย่างแท้จริง เพราะถ้าบริการเพื่อปชช.จริง คงต้องทำแบบศาลปกครองกลาง ที่เอกชนเข้าไปใช้สถานที่โดยคิดราคาประมูลแข่งขัน ฃึ่งเจ้านั้นประมูลด้วยราคาใบละ.50บาท เพราะค่าเช่าสถานที่ไม่แพง เนื่องจากศาลปกครองกลางคำนึงถึงปชช.ที่มาใช้บริการมากกว่าที่จะหารายได้เข้ากระเป๋าศาล 

และไม่ใช่เฉพาะศาลล้มละลายกลางเท่านั้น สถานที่ราชการอื่นๆก็ไม่ควรที่จะให้เอกชนเข้าไปประกอบอาชีพและคิดราคาถึงใบละ3บาทเช่นนี้ ขณะที่เปรียบเทียบร้านค้าทั่วไปที่มีต้นทุนค่าเช่า ร้าน ค่าไฟ  ก็ยังคิดได้ในราคา ห้าสิบสตางค์ แต่นี่เป็นสถานที่ราชการเงินภาษีของปชช.แต่ปชช.กลับมาเสียค่าบริการในราคาแพงกว่าร้านข้างนอกย่อมไม่ถูกต้องนัก

ตนเห็นว่าศาลล้มละลายและศาลยุติธรรมทั้งหลายต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้  ไม่ใช่ห้ามถ่ายรูปบริเวณศาล

ตนเคยไปศาลจังหวัดเชียงราย ก็ติดป้ายเช่นนี้ทั้งที่ตนอยากจะถ่ายรูปมาให้ประธานศาลฎีกาได้ดูเหมือนกันว่าจนท.ศาลทำงานกันอย่างไร บริเวณศาลสกปรกมากน้อยแค่ไหน หรือใครใช้ศาลมาเป็นเครื่องมือหากินกันอย่างไร

แต่ไม่สามารถทำได้เพราะมีป้ายติดไว้ว่าห้ามถ่ายรูปบริเวณศาล เป็นการปิดปาก ปิดตา  ไม่ให้ผู้อื่นได้รับรู้รับทราบ 

หรือความลับมันมีมากตนก็ไม่รู้ 

จึงขอเรียกร้องให้ศาลยุติธรรมพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย อย่าคิดว่ามีอำนาจแล้วใช้อำนาจอย่างไรก็ได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง