. ธรรมชาติจิตย่อมมีสัญชาตญาณอยู่บ้างแล้ว (คือว่าเหตุบันดาลให้รู้ขึ้นบางอย่าง เช่น นึกเห็นหน้าคนใดคนหนึ่งวันนี้ บางทีเห็นโผล่มาจริง ๆ )
ธรรมชาติทั้งหลายฝ่ายดีนับแต่โลกียธรรมขึ้นไปตลอดถึงโลกุตรธรรม ย่อมมีประจำทุกรูปทุกนาม ธรรมไม่ใช่ของใคร ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติได้ทุกคน
อำนาจคุณธรรมจะอำนวยผลให้ได้เช่นนั้น ต้องประกอบด้วยคุณธรรม ๔ ประการ คือ
๑. ฉันทะ มีความยินดีพอใจในข้อปฏิบัตินั้น
๒. วิริยะ เพียรพยายามในเรื่องนั้น ๆ
๓. จิตตะ ตั้งใจมั่นในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา พิจารณาให้รอบคอบในสิ่งที่จะทำนั้น คือ
ก. ก่อนจะทำให้รอบคอบ
ข. กำลังทำอยู่ให้รอบคอบ (มีสติสัมปชัญญะ)
ค. ผลที่เกิดจากการทำนั้นให้รอบคอบ
ธรรม ๔ อย่างนี้เป็นเหตุให้สำเร็จได้ทุกอย่าง ในทางโลกและทางธรรมย่อมสำเร็จได้ถ้ามีความจริงในตน
ธรรม ๔ อย่างนี้ได้รวมลงในจุดอันเดียวกันทั้งหมด ย่อมสมความปรารถนาของตน
ผลโดยย่อที่จะเกิดขึ้นมี ๒ ประการ
๑. อิทธิฤทธิ์ อำนาจบางอย่างทางโลกีย์จะมีแก่ผู้ปฏิบัติ
๒. บุญฤทธิ์ อำนาจในทางธรรมจะเกิดมีแก่ผู้ปฏิบัติ
เป็นหลักพิสูจน์ในเรื่องโลกและวิญญาณได้เป็นอย่างดี หรือสามารถทำจิตของตนให้พ้นไปจากกระแสโลกีย์ได้ทุกประการที่เรียกว่า วิมุตติ ความพ้น วิสุทธิ ความหมดจดสะอาด สันติ ความสงบ นิพฺพานํ ดับทุกข์ทั้งปวง แลฯ
ฉะนั้น จึงขอเชิญชวนท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ผู้มุ่งหวังต่อสันติสุข จงใครครวญตริตรองดูแนวทางข้อปฏิบัติที่เกี่ยวด้วยสัมมาสมาธิ

ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

จากหนังสือ ท่านพ่อลีสอนกรรมฐาน หน้าที่ ๒๑
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๘.๑๐