จิตเราตั้งหรือไม่ตั้ง มันเอนเอียงไปทางไหน มันข้องตรงไหน มันคาตรงไหน
เราได้แต่ว่า สมาธิคือจิตตั้งมั่น ลองตั้งดูซี่ มันตั้งหรือไม่ตั้ง

มันตั้งนั้นเป็นยังไงล่ะ

มันก็ไม่เอนเอียงไปหาความรักความชัง ไม่หลงในรูป ในเสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ทั้งหลายต่าง ๆ
เมื่อมันตั้ง สิ่งใดเกิดขึ้นเราก็ดับ นี่มันจึงเข้าถึงสมาธิ จิตตั้งมั่น

เมื่อจิตสงบตั้งมั่นแล้ว มันก็ใส นี่หละ สมถกรรมฐาน ให้รู้จัก

  • สมถะ คือทำจิตให้สงบภายใน
    เมื่อจิตเราสงบภายในแล้ว อุปมาเหมือนน้ำสงบ
    น้ำสงบมันก็ใส ใสแล้วก็มองเห็นเหตุมองเห็นผล มองเห็นบุญกุศล มองเห็นสุขมองเห็นทุกข์ มองเห็นดีมองเห็นชั่ว

มันสงบแล้ว อันนี้จิตของเราสงบแล้ว พอมันจะออกข้างซ้าย หรือจะออกข้างขวา ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง เราก็รู้ จึงว่ามันตั้ง

นี่เพ่งเล็งตั้งสติอยู่ตรงนี้ นี่แหละให้พึงรู้พึงเข้าใจต่อไป การที่ทำสมาธิ

อันนี้เมื่อจิตของเราเห็นแล้วอย่างนี้ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังขารทั้งหลาย และมันจะได้เกิดปัญญาความรอบรู้ในกองสังขาร

ใครเป็นผู้ปรุงใครเป็นผู้แต่ง
ไม่ใช่อื่นปรุงแต่ง กายสังขาร จิตสังขาร นี่แหละปรุงขึ้นจากจิตของเรา นี่แหละมันจึงได้เกิดเป็นวิปัสสนา ขั้นต่อไปของสมถะ
เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายว่า เข้าวิปัสสนา ๆ ได้แต่ว่า ไม่รู้จักว่าวิปัสสนาเป็นอย่างไร

นี่ สมถะ เป็นบาทของ วิปัสสนา คือเมื่อจิตสงบแล้ว มาเห็นที่เกิดแห่งสังขาร แล้วก็เห็นที่ดับแห่งสังขาร นี่แหละมันเป็นอย่างนี้ ให้พากันรู้

จากหนังสือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๖๘๐

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๖.๑๙