การที่เราได้ทำสมาธิให้เกิดขึ้นแล้วนี่ สมาธิที่เรารับได้นี่มันเป็นความซาบซึ้ง มี่มีความตรึงใจและมันเป็นสิ่งที่บอกไม่ถูกว่ามันมโหฬารแค่ไหนที่เกิดขึ้น

เพราะฉะนั้นเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งนี้ก็จะทำให้ศรัทธาตัวนี้ เขาเรียกว่าศรัทธาอินทรีย์นี่เกิดขึ้นมาได้

ศรัทธาอินทรีย์นี้เองแหละที่จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความสำเร็จในที่เราปรารถนาและต้องการ

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ดำเนินการไปนั้น ในตลอดระยะเวลาที่เราสร้างบุญสร้างกุศลนั้น เป็นระยะเวลาที่เราได้ประกอบ คือจำเป็นต้องประกอบให้พร้อม
ไม่ใช่ว่าเรามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นการเพียงพอ

มันจะต้องประกอบพร้อม
เช่นอย่างพละนี่ก็มี ๕ หรืออินทรีย์ก็มี ๕

ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ๕ ประการนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่ารวมกันเป็นกำลัง เขาเรียกว่าพละ

อินทรีย์ ๕ ก็เหมือนกัน ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ก็กลับกลายเป็นอินทรีย์

สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นแก่พุทธบริษัทที่มีความตั้งใจปฏิบัติกัน อย่างนี้เป็นต้น

ทุกอย่างเหล่านี้นั้นน่ะ ที่จะมาเป็นได้เราจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นานัปการที่มันขวางหน้าเราอยู่นี่มีอยู่มากมาย
อุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ตัดหนทางหรือเรียกว่าทำให้เราเกิดการถอยหลัง ไม่สามารถที่จะก้าวหน้าต่อไปได้
อุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ใหญ่บ้างเล็กบ้างสารพัดที่มันจะมีมา ผ่านในชีวิตของเรามา

เพราะฉะนั้นการที่เราลุล่วงกาลผ่านวัยหรือเรียกว่าผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้นั้นต้องถือว่าเราได้ชนะ เขาเรียกว่าชนะมาร

การชนะมารนั้นท่านกล่าวว่าให้ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
ชนะความตระหนี่ด้วยการให้
คือเมื่อใครมายั่วยุเราให้โกรธเราก็ไม่โกรธ
เมื่อใครที่จะมาทำให้เรามีความตระหนี่เหนียวแน่นโดยไม่รู้จักที่เราทำบุญทำทานเลยนั้นก็จะต้องแก้ไข คือแก้ไขอุปสรรค
ตลอดจนกระทั่งคนที่มีการกล่าวร้ายต่าง ๆ สารพัดที่มันจะเกิดขึ้น
สิ่งเหล่านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง

เมื่อขัดขวางเราไม่ได้เราก็บรรลุไป
เมื่อขัดขวางเราได้เราก็เสียหาย อย่างนี้เป็นต้น

ดังนั้นวิริยะคือความเพียรจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญลำดับต่อมาจากศรัทธา

เมื่อมีความเพียรแล้วก็ต้องมีสติ
สติก็เป็นเครื่องที่จะต้องทำให้เรามีความระลึกได้ว่าสิ่งนี้คือบุญ สิ่งนี้คือบาป สิ่งนี้ควรทำสิ่งนี้ไม่ควรทำ นั่นเรียกว่าสติ
ถ้าเรามีสติอยู่แล้วเราก็สามารถที่จะชนะมารไปได้

ต่อไปก็มีสมาธิ สมาธิก็มีความสำคัญ เพราะว่าสมาธินั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมำให้ใจของเรานี้เกิดพลัง
เมื่อเกิดพลังแล้วเราทำมากเข้าก็ไปถึงจุดพลังอำนาจ
เมื่อบรรลุจุดพลังอำนาจเราก็ใกล้ต่อความสำเร็จ อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าเรื่องของการทำสมาธิ

แล้วก็เรื่องของปัญญา ในที่สุดเราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณา
เมื่อเราใช้ปัญญาพิจารณาไปแล้วสิ่งต่าง ๆ เราก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่มาขวางหน้าเราให้เราบรรลุผลที่เราต้องการได้

ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลาย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๖๔
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๒.๒๑