ฉะศาลล้มละลาย ปชช.หมดความอดกลั้น  หลังปัญหาเกิดขึ้นหลายครั้ง

เมื่อวันที่8ก.พ 61 วีคลี่นิวส์ได้รับการร้องเรียนจากปชช.ในการติดต่อราชการที่ศาลล้มละลายกลาง โดยกล่าวว่าหลายครั้งที่ได้ติดต่อกับหน่วยงานที่เรียกว่า ประชาสัมพันธ์ฃึ่งมีพนักงานนั่งบริการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่การบริการให้ข้อมูลเป็นไปอย่างขาดประสิทธิภาพ หลายครั้งหลายหน

ล่าสุดในวันดังกล่าว ตนจะไปฟังคำสั่งที่ตนยื่นคำร้องเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบในชั้นศาลฎีกา ปรากฎว่าตนหาห้องพิจารณาคดีไม่พบ และตนก็ลืมหยิบหมายมาด้วย ตนจึงเดินไปสอบถามปชส.นั่งกันอยู่หลายคนให้ช่วยตรวจสอบด้วย

ปรากฎว่าทุกคนสอบถามถึงเรื่องราวทางคดี ตนเล่าให้ฟัง แล้วถามตนว่าใครเป็นโจทก์ใครเป็นจำเลย พอตนบอกว่าโจทก์คือใครจำเลยคือใคร
พนักงานกลับมาขอเลขบัตรปชช.ของตน ทั้งที่ตนบอกว่า คดีนี้โจทก์ จำเลย เป็นบริษัท ทั้งคู่ จะมาขอดูบัตรตนคงหาไม่พบหรอก พนง.หลายคนพยายามจะให้ตนบอกเลขบัตรปชช ตนก็บอกไป แต่ก็ตรวจไม่พบจริงๆตามที่ตนกล่าว

พนง.ทำท่าเอาใจใส่งานกันหมดแต่มันเป็นการเอาใจใส่ที่คิดไม่เป็น หรือจะอะไรก็ตามที ตนจึงบอกว่าทำไมคุณไม่กดชื่อโจทก์ จำเลย ละ มันก็จะเด้งขึ้นมาเองแหละ

พนง.ผช ให้พนง.ผู้หญิง กดตามที่ตนบอก คดีนี้ก็เด้งขึ้นมาจริงๆ จึงรู้ว่าคดีนี้ศาลอ่านไปแล้วเมื่อวันก่อน แต่ตนจำผิดวัน หัวหน้าฝ่ายปชส.จึงพาตนขึ้นไปคัดคำสั่ง เมื่อตนได้เห็นเอกสาร ที่ศาลได้อ่านไปแล้วพบว่า เป็นเอกสารรายงานกระบวนการพิจารณา ของศาลฎีกา ไม่ใช่เป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาในเรื่องที่ตนขออุทธรณ์

ในรายงานกระบวนการพิจารณาคดีนี้คือคำสั่งคำร้องที่ล.33/60 ศาลฎีกาได้พิจารณาให้ส่งคำอุทธรณ์นี้ไปยังศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เนื่องจากอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ทั้งที่ตนเขียนคำอุทธรณ์ถึงศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ แต่ศาลล้มละลายกลับส่งเรื่องของผู้ร้องอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา ผิดศาลได้อย่างไร

จนเป็นเหตุให้ศาลฎีกาต้องตีกลับมาเพื่อให้ศาลล้มฯส่งเรื่องไปยังศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ อีกครั้งหนึ่ง อันเป็นผลต่อความยุติธรรมที่จะได้รับจากความล่าช้าเป็นเหตุ

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ตนต้องยื่นคำขออนุญาตอุทธรณ์ จำนวน 19 ชุด ชุดหนึ่งหลายสิบแผ่น ตนจึงได้ขอถ่ายเอกสารชั้นสองในบริเวณศาลพบว่า ตนต้องเสียค่าถ่ายเอกสารไปเกือบหกร้อยบาท เพราะมีการคิดค่าถ่ายเอกสารถึงใบละ 3 บาท ฃี่งตนเห็นคนถ่ายอยู่มานานเป็นสิบปีแล้ว นอกจากนี้ตนยังเห็นพนง.ศาล เอาเวลาราชการไปช่วยงานคนถ่ายเอกสารด้วย

ขณะที่ศาลปกครองกลางคิดเพียงใบละ .50บาทเท่านั้นก็อยู่ได้ แต่ที่ศาลล้มฯเอากำไรโหดมานาน ทั้งที่ควรมีไว้เพื่อบริการปชช.มากกว่าจะมาค้ากำไรเกินควร

ตนเห็นเหตุการณ์อย่างนี้มานาน จนวันนี้เห็นว่ามันเกินไปที่พนง.ประชาสัมพันธ์ทำงานกันแบบไม่มีหัวคิด หรือแกล้งคิดไม่ออกหรือจะให้พนง.หลายคนบริเวณนั้นเกี่ยงกันทำงาน หรือ จะทำให้เกิดความล่าช้าในงานเพื่ออะไรก็ตามที

แต่มันสิ้นสุดความอดทน ประจวบกับคดีนี้ ตนได้ตั้งประเด็นในการวิเคราะห์คำพิพากษาของศาล ฃึ่งเทียบกับคำพิพากษาในคดีอื่น ฃึ่งเป็นคดีเรื่องเดียวกัน คือคดีล้มละลาย โจทก์และจำเลยเป็นบริษัทเหมือนกัน จำเลยในคดีเป็นจำเลยเดียวกันทั้งสองคดี จำเลยสู้คดีอย่างเดียวกัน เอกสาร พยานหลักฐาน ตัวบุคคล เดียวกัน ผู้พิพากษาหนึ่งในสาม เป็นคนเดียวกัน

แต่คำพิพากษาต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตนจึงกำลังจะหยิบคำพิพากษามาเปรียบเทียบเชิงวิเคราะห์ ว่าความเหมือนและความแตกต่างอยู่ที่ตรงไหน

ระหว่างนั้น ตนจึงได้สอบถามทนายทำให้ตนทราบว่า คดีนี้มีการพิพากษาที่มีกระบวนการพิจารณาผิดระเบียบในชั้นศาลฎีกา ตนจึงยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2560

ศาลล้มละลายตัดสินยกคำร้อง ตนจึงยื่นขออนุญาตอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ แต่ปรากฎศาลล้มละลายกลับส่งเรื่องตนไปศาลฎีกา
และศาลฎีกาพิจารณาว่าศาลล้มละลายต้องส่งไปศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ฃึ่งตนไม่ทราบว่าหากเป็นตนยื่นผิดศาลเอง คดีนี้จะถูกตัดสินยกหรือไม่

เมื่อตนมาอ่านเรื่องที่เลขาธิการศาลยุติธรรมให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงการตรวจตราเข้มข้นของจริยธรรมองค์กรอิสระ ขึ้นมา ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งและอยากจะให้ศาลยุติธรรมเข้มงวดจริยธรรมของศาลยุติธรรมด้วยเช่นกัน

เพราะตนสัมผัสคดีมามากมายหลายคดี เห็นควรว่าศาลยุติธรรมเองก็น่าจะกวดขันการทำงานของศาลด้วย โดยเฉพาะการตรวจตราคำพิพากษา และ องค์คณะในการพิจารณาคดี

หากเลขาธิการศาลยุติธรรม ต้องการข้อมูล ตนพร้อมจะนำเสนอให้ทราบ เพราะที่ผ่านมาตนร้องผ่านคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมมาหลายเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรมของศาล แต่ปรากฎว่า คำตอบที่ได้ เป็นการตรวจสอบที่ไม่พบความจริงในสิ่งที่ตนร้องเรียน

ตนจึงขำเป็นอย่างมาก และรอโอกาสที่จะได้ประธานศาลฎีกาและเลขาธิการศาลยุติธรรม ที่จะมาทำงานเพื่อประโยชน์ของปชช.เป็นหลัก

แต่อย่างที่ทราบองค์กรศาลมีการเลือกตั้งคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม จากจำนวนผู้พิพากษาในชั้นแต่ละศาลเป็นผู้เลือกเข้ามาทำงาน
จึงยากที่จะมีการตรวจสอบหาความจริง เพราะตนไม่เคยถูกเรียกให้เข้าไปให้ถ้อยคำหรือแสดงเอกสารพยานหลักฐานแต่อย่างใด

ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในสมัยนี้ ศาลยุติธรรมจะทำงานเพื่อความสุขของปชช. มีความยุติธรรม มีความเชื่อมั่นให้กับปชช.