จงเข้าใจว่าเมื่อเวลาเราได้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว เราก็จะต้องมีโอกาสที่จะมาปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีลนั้นคือการรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย
สมาธิได้แก่การทำจิตใจของตนให้ตั้งมั่น
ปัญญาได้แก่การรอบรู้ในกองสังขาร

ศีลนั้นก็มีศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗
สมาธินั้นก็ได้แก่การที่เรามาทำสมาธิบริกรรมว่าพุทโธ พุทโธจนกระทั่งจิตไม่แส่ส่ายไปในทางอื่น ตั้งเที่ยงตั้งมั่นเกิดความเบากายเบาใจขึ้น อย่างนี้เรียกว่าจิตเป็นสมาธิ
ปัญญานั้นได้แก่การพิจารณาถึงสังขารทั้งหลายว่าเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปจนกระทั่งเกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายขึ้นมาในจิตใจของตนเรียกว่าปัญญา

ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้ง ๓ ประการนี้เป็นหนทางให้ถึงซึ่งวิมุตคือการหลุดพ้นซึ่งอาสวะกิเลส

เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นของดีเป็นของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก สามารถที่จะชี้ช่องทางให้พวกเราทั้งหลายพากันเดินชีวิตไปในทางที่ถูก ในทางที่ควร

ถ้าเราไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเอาชีวิตของเรา เบนชีวิตของเราไปในทิศทางใด
ด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นที่พึ่งแล้วเราก็มีทิศทางที่จะเดินไปในทางที่ถูกต้อง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๑๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๑.๒๘