จิตของคนเรานี้มันสร้างภาพ วันนึง ๆ ไม่รู้มันสร้างเท่าไหร่

บางทีก็คิดไปเพื่อที่จะช่วยคนอื่น
บางทีก็คิดไปถึงว่าตัวของเรานี่ทำไมมันต่ำต้อยนัก
บางทีก็คิดว่าทำไมตัวของเรานี่ถึงได้มามีเงินมีทองเป็นเศรษฐี
บางคนก็คิดว่าทำไมตัวเราถึงได้มียศถาบรรดาศักดิ์สูง

อันนี้เป็นเรื่องของจิตห้ามกันไม่ได้
แต่ว่าสติที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นเครื่องเตือน อันนี้เป็นเครื่องห้ามได้

ความคิดของคนนี่มันมีมาก เราจะต้องหาทางแก้ไขไม่ให้ความคิดนี่มันเกิดการฟุ้งซ่าน
เมื่อเกิดการฟุ้งซ่านแล้วผลมันออกมามันไม่มีผล

เพราะฉะนั้นอารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาพัวพันในจิตใจนี่ต้องรู้จักคัดเลือก ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้อารมณ์นี่มันมารุมเร้า

สติที่ช่วยเราอยู่ในเวลานี้น่ะคือสติธรรมชาติที่เขาให้เรามาตั้งแต่เกิด
แล้วสติอันนี้ก็จะอยู่ในตัวของเราด้วยการที่มีสมาธิ สมาธิก็คือสมาธิที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ

การนอนหลับนั่นแหละก็คือสมาธิธรรมชาติ
ทีนี้เวลาที่นอนไม่หลับ สติก็เริ่มคลาดเคลื่อนแล้ว เพราะเหตุว่านอนไม่พอ พักไม่พอ

เมื่อเป็นเช่นนั้นการทำสมาธิจึงมีความสำคัญต่อคนเป็นอย่างยิ่ง
สมาธินี่จะเป็นเครื่องที่ทำให้เรามีพลังจิตเพิ่มขึ้น
เมื่อพลังจิตเพิ่มขึ้นนี่ก็เท่ากับว่ามีตัวเตือน คือมีตัวสติ
เมื่อสติเกิดขึ้นนี่มันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
เพราะว่าการเตือนนี่เตือนด้วยอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าเราจะไปคิดเตือนเอาเอง พลังจิตเมื่ออยู่ในจิตของเราแล้วนี่มันจะมาเป็นตัวเตือน

ท่านทั้งหลายการทำสมาธินี่เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นความจำเป็นสักอย่างหนึ่งให้แก่ชีวิตของเรา
เพื่อที่จะไม่ให้ไอ้ความคิดสารพัดที่มันมาหลอกลวงเราอยู่ทุกวัน ๆ น่ะไม่ให้มันมาทำอันตรายต่อชีวิตเรา
ความสุขที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิจะเป็นความสุขที่มีความประเสริฐอย่างยิ่ง

เมื่อทำสมาธิขึ้นมาแล้วไอ้ความสุขอันพิเศษก็จะเกิดขึ้นกับเรา และทีนี้พลังจิตที่เกิดขึ้นกับเรานั้นมันเป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่าอย่างยิ่งเพราะว่ามันเป็นตัวเตือน

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๒๑๘
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๑.๒๑