ความไม่ประมาททำให้ถึงพร้อมได้อย่างไร
ชีวิตของเรานี้เป็นชีวิตที่ได้มาด้วยมีค่าอันสูงส่ง
ค่าสูงส่งอันนี้ท่านทั้งหลายท่านจงรักษาค่าอันนี้ไว้ให้ดีและเราก็จะได้ผลทางที่ดี
เมื่อคนเกิดขึ้นมานี้ก่อนที่จะเกิดขึ้นมาได้จิตต้องเข้าภวังค์ก่อน
เมื่อคนจะตายนั้นถ้าจิตไม่เข้าภวังค์คนก็ไม่ตาย
ก่อนที่จะเกิดก็ต้องเข้าภวังค์ ก่อนที่จะตายก็ต้องเข้าภวังค์
ทีนี้ตรงภวังค์นี้แหละจะต้องทำความชำนาญให้เกิดขึ้น
ทำอย่างไรเราจะชำนาญในการที่เข้าภวังค์แล้วออกภวังค์
ก็มีอยู่ทางเดียวก็คือการทำสมาธิ
เวลาทำสมาธิแล้วจิตมันสงบแล้วมันก็เข้าภวังค์ พอเข้าภวังค์เสร็จแล้วได้ระยะของพลังจิตแล้วจิตมันก็ออกจากภวังค์
เมื่อนั่งสมาธิจิตเข้าภวังค์ไปแล้วก็เรียกว่าเราได้มีความชำนาญครั้งที่ ๑ พอเวลาเราทำสมาธิจิตของเราเข้าภวังค์อีกแล้ว ก็เรียกว่าเข้าภวังค์ครั้งที่ ๒ และเราก็ทำสมาธิต่อไปจิตก็เข้าภวังค์อีกแล้วก็เข้าภวังค์เป็นครั้งที่ ๓ แล้วก็เป็นครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ ครั้งที่ ๖ เราทำหลายครั้งเข้าจิตมันก็เข้าภวังค์หลายครั้งเข้า
เมื่อจิตเข้าภวังค์หลายครั้งเข้าเราก็เกิดความชำนาญ
เพราะเมื่อเวลาเข้าภวังค์แล้วนี่เราจะเผลอสติ มันสุดแล้วแต่ว่ากรรมจะนำไป
แต่คนที่ทำสมาธิแล้วจะมีพลังจิต
พลังจิตนั้นก็จะเข้าไปนอนเนื่องอยู่ที่ในจิตของเรา
เมื่อนอนเนื่องอยู่ในจิตของเราแล้วก็เป็นสิ่งที่คอยระวังที่จะช่วยเราในเวลาวิกฤตตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาที่เราจะดับชีพทำลายขันธ์หรือเขาเรียกว่าตาย ภวังค์อันนี้หรือว่าจิตของเราที่เคยเข้าภวังค์อันนี้ มันก็เคยเข้ามาแล้วมันก็เป็นการสะดวก
เมื่อเข้าภวังค์แล้วก็มีสติเขาเรียกว่าเกิดปัญญา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ ปัญญา สะมา อาภา” แสงสว่างยิ่งกว่าปัญญานั้นไม่มี
ปัญญาจะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น แสงสว่างก็จะเกิดขึ้นในภวังค์
เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้นในภวังค์เราก็เลือกทางที่จะเดินไปได้ในทางที่ถูกต้อง ทางนี้ไปนรกเราก็ไม่ไป ทางนี้ไปสวรรค์ไปนิพพานทางนี้เราก็ไป นั่นคือสิ่งที่เราพากันทำมาแล้วมันก็เกิดความชำนาญ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ ปัญญา สะมา อาภา” แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
ก็เมื่อมีสมาธิแล้วมันก็มีปัญญา มีปัญญาก็เกิดแสงสว่าง แสงสว่างก็รู้จักหนทาง
นั่นคือกำไรของบุคคลผู้ที่อุตสาหะทำสมาธิให้เกิดขึ้นแก่ตนโดยไม่มีความเกียจคร้าน
เพราะฉะนั้น “อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ” ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
อย่าไปพลัดวันประกันพรุ่ง พยายามที่จะกระทำสมาธิให้แก่เราโดยการที่เราไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายนัก เรามีร่างกายกับใจแล้วเราก็ทำสมาธิได้ โอกาสให้แก่เราถมไป
เพราะฉะนั้นความประมาทไม่เกิดขึ้นมาแล้วก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุด
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๒๐๓
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๑๑.๑๘
ใส่ความเห็น