ธรรมะนั้นคือสิ่งที่จะเตือน คือเตือนให้เรานั้นมีสติ

การมีสตินั้นทำให้เราระลึกได้ถึงคุณงามความดีต่าง ๆ เพราะว่ามนุษย์เรานี่จิตใจสูงอยู่แล้ว

ทำไมถึงว่ามนุษย์จิตใจสูง
ก็เพราะว่าบุญกุศลที่สะสมมาในแต่อดีตผลักดันมาให้เราได้เกิดเป็นมนุษย์
การเกิดมาเป็นมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย ไม่เหมือนการไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

การไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นง่ายมาก แล้วก็จะทำจิตใจให้สูงเหมือนกันกับมนุษย์ไม่ได้
ถ้าใครเผลอไปหรือว่าทำความชั่วมากไปต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วก็จะต้องไปอยู่ในภาวะของสัตว์เดรัจฉานนั้นเป็นเวลาอันยาวนาน

เนื่องจากว่าเมื่อไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วความคิดมันอยู่ในวงแคบ แล้วก็ไม่รู้จักว่าโลกกว้างนั้นคืออะไร แล้วก็ไม่รู้จักว่าศีลธรรมคืออะไร

เพราะเหตุที่ว่าเมื่อไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วนั้นความคิดอ่านต่าง ๆ ไม่เหมือนกันกับมนุษย์ ท่านจึงเรียกว่าเป็นอบายภูมิ เป็นสถานที่เรียกว่าให้เกิดแต่ความเสื่อมไม่มีความเจริญ

ทีนี้เมื่อมาพูดถึงภพของมนุษย์ ภพของมนุษย์นี่เราจะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีสติมีปัญญา
ต่างคนต่างมีความคิดเป็นอิสระ
ต่างคนต่างมีความเกี่ยวข้องเพื่อที่จะเกิดเป็นชุมชนหรือเกิดเป็นหมู่คณะขึ้น แล้วหมู่คณะนั้นก็มีคุณธรรมให้ปรากฏ

พวกชาวเราทั้งหลายพากันมาเวียนเทียนในวันวิสาขะ วันมาฆะ พากันมาทำบุญวันเข้าพรรษา ออกพรรษา พากันมาฟังธรรมในเทศกาลวันพระแต่ละครั้งแต่ละวัน พากันมาทำสมาธิเป็นหมวดหมู่ เป็นหมู่เป็นคณะ
สิ่งเหล่านี้จะได้รับรางวัลจากที่เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเรียกว่าสิ่งธรรมชาติที่จะส่งผลให้ผู้ที่ทำความดีนั้นได้รับรางวัลในชีวิต

พวกเราทั้งหลาย สติจึงเป็นเครื่องตักเตือนพวกเราว่า การที่ทำความชั่วน่ะอย่าทำซะเลยดีกว่า
ให้พากันมาสร้างสรรค์คุณความดีให้เกิดขึ้น

นอกเหนือจากว่าเราจะได้ไปรับผลที่วิเศษสุดในอนาคตแล้ว ในปัจจุบันเราก็ยังมีความสุขไปตลอดกาล
นอกจากว่าตัวเราจะมีความสุขแล้ว ยังเผื่อแผ่ความสุขนี้ไปให้แก่บุคคลผู้อื่นได้อีกด้วย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๑๘๑
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๑.๐๘