บวชชีนั้นน่ะไม่ใช่อยู่ไกล คือทำศีลของเรานี่ให้บริสุทธิ์
แต่ก่อนศีลเราก็มีแต่ว่ายังน้อยไป แล้วก็มาทำศีลให้มันมากกว่าเดิม เพราะว่าเวลาบวชชีนี่เขาจะมีศีล ๘ ปรกตินั้นเราจะรับแต่ศีล ๕

พระพุทธเจ้าก็ได้แสดงแล้วว่ามีอานิสงส์อย่างไร
อานิสงส์ก็คือ “สีเลนะ สุคะติง ยันติ” คนจะมีความสุขได้ก็เพราะศีล
“สีเลนะ โภคะสัมปะทา” คนจะมีทรัพย์สินสมบัติได้ก็เพราะศีล
“สีเลนะ นิพพุติง ยันติ” คนจะไปนิพพานได้ก็เพราะศีล

ศีลนี้จะเป็นเหมือนสะพาน สะพานให้เราไต่ไป
เราไต่ไปนั้นก็หมายถึงว่าจิตใจของเรานี่เราถือว่าเป็นเรา ร่างกายนี่เรามาอาศัยชั่วคราว แต่ตัวของเรานั้นจริง ๆ นั้นน่ะคือใจ
เพราะหากว่าใจออกจากร่างนี้ไปเมื่อไหร่ร่างนี้ก็จะหมดความหมาย เรียกว่าเอาไปเผาไฟทิ้งได้
แต่ถ้าใจยังอยู่นั้นทำไม่ได้ จะมีความรู้สึกทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นใจจึงได้ถือว่าเป็นตัวของเรา

ทีนี้เรามารักษาศีล มารักษาศีล ๘ ๓ วัน ๓ คืน อานิสงส์มหาศาลที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวของเรา

การบวชนั้นไม่ใช่บวชเฉย ๆ แล้วเราสวดมนต์ด้วย
สวดมนต์ก็ใช้บทที่ง่ายที่สุด พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ก็หมายความว่า อิติปีโส สวากขาโต สุปฏิปันโน ใคร ๆ ก็ สวดได้
แล้วการสวดมนต์แต่ละจบ แต่ละจบนั้นอานิสงส์เกิดขึ้นกับตัวของเรา จบหนึ่งก็ได้อานิสงส์เยอะ

นอกจากนั้นการสวดมนต์นี้ก็เป็นการเอ็กซ์เซอร์ไซด์ร่างกาย
ทำให้หัวใจที่ผิดปรกตินี่จะสู่ความปรกติ
จะทำให้ประสาทในหัวสมองของเราที่มันฝืด ๆ แล้วมันก็ปลอดโปร่งขึ้น
แล้วก็จะทำให้หลายส่วนของร่างกายนี่ดีจึ้นจากการสวดมนต์

เรานี่บางทีในระยะปีหนึ่ง ๆ นี่เราก็ทำงานเยอะ เส้นประสาทของสมองก็ต้องทำงานมากมันก็เสื่อมสมรรถภาพไป
หรือว่าประสาทส่วนอื่นของร่างกายมันก็เสื่อมสภาพไป
หรือว่าร่างกายของเรามันมีอะไรกระทบกระเทือนมันก็เสื่อมสภาพไป

เพราะฉะนั้นปีหนึ่ง ๆ นี่ก็ได้มาปรับปรุงร่างกายของเรา ให้ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
คือหมายความว่าทำให้ร่างกายของเรานี่มีประสิทธิภาพ
มาชำระล้าง ๓ วันนี่เรียกว่ายาวิเศษ

หลวงพ่อก็ยังไม่หยุดยั้ง ตื่นขึ้นมาก็สวด ทำไมหลวงพ่อต้องมาสวดด้วย
หลวงพ่อก็ต้องการที่จะปรับปรุงร่างกายของหลวงพ่อด้วยเหมือนกัน

ท่านทั้งหลายนอกจากจะเอ็ซ์เซอร์ไซด์ให้ร่างกายของเราสมบูรณ์ดีแล้ว ยังได้บุญกุศลอีกด้วย ยังได้อีกหลายอย่างที่เราสวดมนต์นี่

เราจะสังเกตดูว่าพอเวลาเราสวดมนต์ไปแล้วตัวเราจะเบา
เราสวดมนต์ไปแล้วตัวของเราจะกระชุ่มกระชวย
เรามองดูหน้าตาบุคคลที่มาสวดมนต์กันนี่ก็จะดูหน้าตาผ่องใส ไม่ได้เศร้าหมอง
เพราะอะไร

เพราะว่าบุญ ท่านว่าคนมีบุญนี่หน้าตาจะแจ่มใส หน้าตาจะเอิบอิ่ม ร่างกายจะมองดูมันไม่เหี่ยวแห้ง
เพราะฉะนั้นการสวดมนต์นี่มันก็คือการสร้างบุญขึ้นมานั่นเอง

การสวดมนต์นี่นอกจากว่าเราจะได้อานิสงส์แล้วคนฟังก็ได้อานิสงส์ด้วย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๑๒๑
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๒๗