การทำสมาธิเป็นเรื่องที่ย่นระยะทางที่เราจะเดินไปในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย นานเกินไป เราก็จะได้ไปสู่พระนิพพาน

อันนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากเรื่องของสมาธิ ทางอื่นไม่มี มีทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขบาปอกุศลต่าง ๆ ในอดีตที่เราเคยทำมา

เพราะเหตุใด
เพราะเหตุว่าเมื่อเราทำสมาธิไปแล้วนี่ เวลานี้เราทำสมาธิ วันหน้าเราทำสมาธิ เดือนหน้าเราทำสมาธิ ปีหน้าเราทำสมาธิ เราทำสมาธิไปเรื่อย
เราทำสมาธินี่เปรียบเหมือนกับน้ำดี พวกบาปทั้งหลายเปรียบเหมือนกันกับน้ำเสีย

เมื่อน้ำดีมากแล้วก็ทำลายน้ำเสียไป แต่ถ้าน้ำดีเรายังน้อยเราก็ทำลายยังไม่หมด

เพราะฉะนั้นในทางที่ดีที่สุดนั้นเราพยายามทำสมาธิเอาไว้
แม้ว่าเราจะทำเล็กน้อยแต่ว่าเราทำไปบ่อย ๆ มันก็มาก

เหมือนกับน้ำฝนตกลงมาจากอากาศทีละเม็ดเล็ก ๆ แต่ว่าเมื่อมันตกมากเข้ามันก็ทำให้น้ำท่วมได้

เพราะฉะนั้นแม้ว่าเราจะทำสมาธิเล็กน้อย แต่ว่าสมาธินั้นจะไม่สาปสูญสลายตัวหายไป เมื่อเราทำเท่าไรมันก็เป็นของเราเท่านั้น แล้วก็จุดประสงค์ของการทำสมาธิก็คือพลังจิต

เพราะว่าเมื่อทำสมาธิกี่ครั้งก็ตามจะสะสมพลังจิตไปในตัว
เพราะฉะนั้นพลังจิตอันนี้แหละที่จะเป็นกำลัง สามารถกำจัดน้ำเสียคือบาปอกุศลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในจิตใจของเราได้

มีพระอรหันต์หลายองค์ที่ท่านได้เคยทำในสิ่งที่ไม่ดีไว้ แต่ท่านก็ได้มาบรรลุมรรคผลพิเศษ
อันนี้เป็นเครื่องชี้บอกพวกเราว่าแม้ว่าเมื่อเราประมาท เราไปพลาดพลั้งทำความชั่ว ทำความไม่ดีเข้า เราก็ไม่ต้องไปกังวลใจ
เมื่อเราทำสมาธิแล้วก็จะต้องเดินไปเรื่อย มันเหมือนกันกับสุนัขไล่เนื้อ มันไล่ไปเหมือนกันแต่มันไล่ไม่ทัน เมื่อไล่ไม่ทันมันก็กลับบ้าน อย่างนี้เป็นต้น

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๘๑
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๑๙