หากว่ามีผู้ใด คณะใดที่มีความสามารถ สามารถที่จะช่วยประชาชนต่าง ๆ นี่ให้สร้างพลังจิตนี้ขึ้นมา ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหน หรือไม่ว่าจะเป็นคนชาติใด ภาษาใดก็มาทำสมาธิได้

เมื่อทำสมาธิแล้วมันก็เกิดพลังจิต
เมื่อเกิดพลังจิตแล้วมันก็ควบคุมจิตใจได้ มันก็ลดระดับความโลภ ลดระดับความโกรธ ลดระดับความหลง
แต่ไม่ใช่ว่าจะทำให้หมดไปสิ้นไป แต่ให้มันลดระดับลงพ้นขีดอันตราย

เมื่อต่างคนต่างมีพลังจิตพอสมควรแล้วก็สามารถที่จะควบคุมจิตใจได้
เมื่อควบคุมจิตใจได้แล้วความขัดแย้งต่อให้มันใหญ่โตมโหฬารมันก็สามารถลดระดับลงมาพ้นขีดอันตราย แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อโลก

เพราะฉะนั้นคำว่า “สะจิตตะปะริโยทะปะนัง” การทำสมาธิจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นอกเหนือจากนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังแสดงหนทางกลางไว้ให้พวกเราพากันเดิน

หนทางกลางนั้นน่ะถ้าจะแปลจริง ๆ แล้วก็แปลว่าหนทางพอดี เรียกว่าเป็นหนทางพอดี
คำว่าหนทางพอดีนี่มันสำเร็จ เช่นอย่างรับประทานอาหารนี้รับประทานพอดี อิ่มแล้ว ถ้าเกินไปใช้ไม่ได้ น้อยไปใช้ไม่ได้
เสื้อผ้าของเรามันน้อยไปก็ไม่ได้ มากไปก็ร่าม
บ้านเรือนของเราที่จะทำจะผสมคอนกรีตหรือจะไปตัดไม้อะไรต่าง ๆ มันสำเร็จอยู่ตรงที่พอดี
เหมือนกันกับคนที่จะทำเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่าง ๆ เขาจะมีหลักเกณฑ์ของเขาว่าเท่านี้พอดี ถ้าเกินนั้นไปมันก็เป็นเครื่องยนต์ไม่ได้ น้อยกว่านั้นมันก็หลุด อะไรอย่างนี้

เพราะฉะนั้นคำว่าพอดีนี่จึงถือว่าเป็นสายกลาง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๒๑
พระธรรมมงคลญาณ(พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๙.๒๗