ตามธรรมดาแล้วนี่พวกเราจะต้องพัฒนาตัวเรา

เราไม่ใช่ว่าเราจะเอาแค่เพียงชั้น ๑ เราต้องพัฒนาไปถึงชั้น ๒ ชั้น ๓ ไม่ใช่ว่าเราจะพัฒนาไม่ได้
โอกาสที่เราจะพัฒนาตัวของเราให้สูงขึ้น หมายความว่าทำตัวของเราให้สูงขึ้น ก็มีอยู่ทางเดียวคือการทำสมาธิ

การทำสมาธินี่ก็เป็นกุศลจิตด้วยแล้วก็เป็นการพัฒนาจิตของเราให้สูงขึ้นด้วย

ทำไมจึงพัฒนาให้จิตของเราสูงขึ้นได้

เพราะว่าการทำสมาธินั้นน่ะเมื่อทำแล้วนี่มันจะเกิดพลังจิต
พลังจิตตัวนี้แหละที่เป็นที่พัฒนา เมื่อมันเกิดขึ้นมาแก่เรานี่ หมายความว่าเกิดมาซักจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องมากก็เรียกว่าซักจำนวนหนึ่ง และจำนวนนั้นมันก็จะเกิดการพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ
ถ้าหากว่าได้ขึ้นต้นแล้ว ต่อไปมันก็ทำต่อไปได้อีกเรียกว่าพัฒนาเติมขึ้นไปได้อีก

เราอาจสามารถจะจากชั้นสมาธิชั้นต้น ไปหาชั้นกลาง ออกจากสมาธิชั้นกลางไปหาสมาธิชั้นสูงสุด
อย่างนี้เราก็สามารถทำได้ทุกคน อย่างน้อยที่สุดปฐมฌาน ทุติยฌานอะไรเหล่านี้ก็อยู่ที่ใกล้ ๆ นี้เอง สามารถที่จะเกิดขึ้นได้

เพราะว่าก่อนแต่ที่จะทำสมาธินั้นมีอารมณ์มาก
อารมณ์ตัวนี้แหละที่เป็นตัวสำคัญที่จะมาแย่งเอาความดีของเรา

เพราะว่าอารมณ์นี้บางทีมันก็กลายเป็นอารมณ์อาฆาต อารมณ์นี้บางทีก็กลายเป็นอารมณ์จองเวร แล้วก็อารมณ์นี้บางทีมันก็เป็นสิ่งที่ร้ายกาจ
แต่บางครั้งอารมณ์นี่ก็เป็นอารมณ์ที่ดี อารมณ์นี้ก็เป็นอารมณ์ที่คิดถึงบุญถึงกุศล

เพราะฉะนั้นในเมื่อจิตของเรามันยังแปรปรวนอยู่ เราไม่สามารถจะควบคุมให้อยู่แต่ในเฉพาะกุศลได้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องทำสมาธิไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ

วันหนึ่งคืนหนึ่งนี่เราไม่ควรให้เสียเวลา
เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อชีวิตเรา

ชีวิตของเรานี่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่ตาย ในที่สุดมันก็ต้องตาย แต่วันและคืนที่ล่วงไปนี่ไม่ใช่ว่าล่วงไปเฉย ๆ มันกลืนกินชีวิตของเราทุกวัน ๆ เราก็แก่ลงทุกวัน ๆ อย่างนี้เป็นต้น

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๒๐๖
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๘.๒๐