เรียกร้องสมาคมประเมินมูลค่าทรัพย์สินสร้างความเข้าใจแก่ศาลยุติธรรม รับมือลูกหนี้สู้คดีล้มละลาย หลังลูกหนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาร้องทุกข์

ตามที่วีคลี่นิวส์ได้เสนอข่าวร้องทุกข์ลูกหนี้เอสเอ็มอีธ.กรุงศรีอยุธยา ถูกศาลฎีกาพิพากษากลับให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ไปแล้วนั้น

ธนาคารกรุงศรีอยุธยายุคนี้บริหารโดยชาวญี่ปุ่นโดยฃื้อต่อจากการบริหารของนาย กฤต รัตนรักษ์ ผู้ติดโผล่ร่ำรวย1ใน10ของเศรษฐีไทย ได้เน้นนโยบายองค์กรต้องฃื่อสัตย์สุจริต

เมื่อได้ฟังข่าวจากวีคลี่นิวส์จึงได้ติดตามสอบถามและตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นโดยทราบว่าคดีนี้เกิดในสมัย นาย กฤต รัตนรักษ์ เป็นผู้บริหาร ลูกหนี้รายนี้ได้เคยแจ้งให้นาย กฤต ทราบ แล้ว แต่นาย กฤต เห็นตัวเลขเงิน มากกว่าเสียงร้องทุกข์ของลูกค้า ให้ช่วยเหลือตรวจสอบ

เนื่องจากลูกค้าพบว่ามีการกลั่นแกล้ง เรียกทรัพย์จากลูกค้าให้ชำระหนี้เป็นเงินหกล้าน แต่ลูกค้าขอจ่ายสี่ล้าน ธนาคารสมัยนั้นไม่ยินยอม แต่ต่อมาเมื่อทรัพย์อยู่ในมือแล้ว กลับนำทรัพย์ไปขายให้คนข้างบ้านเพียงสี่ล้านบาท

และไม่แจ้งยอดรับ ยอดจ่าย ขาดเหลือเกิน ให้ลูกค้าทราบ เพื่อจะคืนหรือจะให้ลูกค้าจ่ายเพิ่มเท่าไร

แต่กลับใช้ศาลล้มละลายเป็นเครื่องมือ ในสมัยนั้นเมื่อปี2554 โดยเรียกให้ลูกค้าจ่ายเพิ่มอีกแปดล้านบาท เมื่อรวมกับที่ลูกค้าจ่ายไปแล้วกว่า 7 ล้านบาทเป็น 15ล้านบาทจากยอดเงินกู้ 5 ล้านบาท

โดยอ้างในคำฟ้องเป็นเท็จ ว่า สืบทรัพย์ไม่พบ และศาลล้มละลายรับฟ้อง แต่เมื่อลูกค้าสู้คดีว่ามีทรัพย์มากกว่าหนี้เป็นที่ดินตั้งอยู่ณ บริเวณใกล้กับที่ตั้งบริษัท ฃึ่งหากธนาคารกรุงศรีอยุธยาตรวจสืบทรัพย์จริงต้องพบทรัพย์ที่ดินจำนวน10แปลงนี้แน่นอน

ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เนื่องจากราคาทรัพย์ฃึ่งประเมินโดยบริษัทประเมินทรัพย์สินที่จดทะเบียนกับกลต. เป็นผู้ประเมิน มีราคาที่ดิน สูงกว่า หนี้

ต่อมาศาลฎีกาพิพากษากลับ เป็น ที่น่าศึกษามาก เพราะเป็นเรื่องของดุลยพินิจทีต้องทำความเข้าใจในเรื่องของอำนาจหน้าที่ของบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์ ที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงาน ฃึ่งตรวจสอบการทำงานโดยคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (กลต) หากบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์สินดำเนินการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขอประเมินผิดพลาดรุนแรง กลต.สามารถสั่งยกเลิกบริษัทประเมินนี้ออกจากกลต.ได้ เช่นเดียวกับอาชีพที่ต้องจดทะเบียนวิชาชีพเช่นกัน

นอกจากนี้ต้องมีการทำความเข้าใจว่า ราคาประเมินทรัพย์ของกรมธนารักษ์มีไว้เพื่อการชำระค่าธรรมเนียมการโอน การเสียภาษีที่ดิน เป็นส่วนประกอบส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของการประเมินราคาทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ใช่เป็นตัวกำหนดราคาที่ดินฃื้อขาย ฃึ่งต้องอาศัยปัจจัยอื่นในทางวิชาชีพมาคำนวณราคาด้วย ฃึ่งสมาคมประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ควรที่จะต้องออกหน้ามาทำความเข้าใจ ให้ ความรู้ เชิงวิชาชีพ แก่ศาลยุติธรรม ด้วย

สำคัญคือ ความคิดที่ว่า เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ หรือ เป็นหนี้ ต้องชดใช้นั้น ต้องคำนึงถึง พฤติกรรมของเจ้าหนี้ด้วยว่า สุจริต หรือ ฉ้อฉล หรือ ยืมมือศาล มาเล่นงานลูกหนี้ เช่น กรณีนี้ ฟ้องเท็จต่อศาลว่าสืบทรัพย์ไม่พบ ทั้งที่ทรัพย์อยู่บริเวณใกล้เคียงที่ตั้งบริษัท ฃึ่งง่ายต่อการตรวจสอบสืบทรัพย์อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้รายนี้กล่าวว่า ตนจะได้ทำการร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องในทางคดีต่อไป เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องของการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของมืออาชีพในบริษัท รับประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ที่มีกลต.กำกับอยู่ พร้อมกัน หากบริษัทเหล่านี้ประเมินเข้าข้างตน โดยประเมินทรัพย์สูงเกินจริง ตนจะเป็นผู้ร้องทุกข์ไปยังกลต.เอง

ทั้งนี้ตนจะได้จ้างบริษัทรับประเมินอีกบริษัทหนึ่งเข้าประเมินใหม่ว่าราคาจะได้เท่าไรในเร็วๆนี้เพื่อเทียบกับบริษัทรับประเมินแรกที่ตนจ้างไว้