ลุยจับต่างชาติสวมบัตรปชช.หวังแก้ก.ม จดทะเบียนบริษัท
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลุยจับต่างด้าวทำธุรกิจฉ้อฉลในไทย หวังออกก.ม ให้ ต่างชาติลงทุนจดทะเบียนในไทยได้โดยไม่ต้องพึ่งนอมินี
ระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ขอความร่วมมือไปยังกรมสรรพากร ปปง. และ ตำรวจท่องเที่ยว บุกจับบริษัททัวร์จีนหลายแห่งทั้งในภาคใต้ และในกทม. โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการเปิดกิจการนำเข้านักท่องเที่ยวจากจีนมา เที่ยวไทย โดยเปิดบริษัททัวร์มีคนจีนเป็นผู้ถือหุ้นและให้คนไทยเป็นนอมินีถือหุ้นแทน บางบริษัทถึงขั้นสวมบัตรปชชคนไทยปลอมเป็นกรรมการ ผจก. จำนวนหลายบริษัท
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้เข้า ทำการอายัดทรัพย์บริษัททัวร์จีน หลังการสอบสวนขยายผลจับกุมผู้บริหารบริษัท ฃินหยวน แทรเวล จำกัด ก่อนหน้านี้พบว่าบริษัทมีความเกี่ยวข้องกันกับบริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด ฃึ่งเป็นสมาชิกลำดับที่ 0170 ของ tcta
( ดูรายละเอียดและภาพถ่ายนาย สมเกียรติ http://tctathai.org/pdf/member/0170%20FUAN%20TRAVEL% 20CO.,LTD.pdf)
บริษัทที่เข้าตรวจจับนี้มีผู้บริหารบริษัทสวมบัตรปชช.คนไทย ชื่อ นาย สมเกียรติ คงเจริญ ฃึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าใช้วิธีขอความร่วมมือไปยังกรมการปกครองตรวจสอบบัตรปชช.ของผู้มีชื่อดังกล่าวในบริษัทต่างๆ เมื่อได้ผลการตรวจสอบหลักฐานไม่ตรงกับในใบจดทะเบียนจึงเป็นที่มาของการเข้าตรวจค้น
จากการตรวจสอบย้อนหลังทราบว่า นายสมเกียรติ คงเจริญ เป็นชื่อของคนวิกลจริต เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ส่วนกรรมการอีกคนชื่อ นาย ธวัล แจ่มโชคชัย พบว่าอยู่ในขบวนการสวมบัตรคนไทยให้กับชาวจีนมานานแล้ว เพื่อช่วยให้คนจีนมาเปิดบริษัทในประเทศไทยและมีส่วนเกี่ยวข้องในการสวมบัตรผู้บริหารของบริษัท ยูฟัน แชลูกโซ่รายใหญ่และยังพบพฤติกรรมว่ามีการโอนย้ายชื่อของคนจีนมาสวมบัตรคนไทยแล้วกว่า100ราย
ในการตรวจค้นครั้งนี้ นายสมเกียรติ คงเจริญ ผู้บริหารบริษัทที่สวมบัตรประชาชนคนไทยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว เป็นคนนำการตรวจค้นพร้อมเปิดตู้เซฟ โดยภายในมีเอกสารสำคัญของบริษัทที่เกี่ยวกับการเงินและสมุดเช็คอีกนับ10เล่ม
ขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำหนังสือเพิกถอนการจดทะเบียนธุรกิจ2ฉบับมาแจ้งให้ผู้บริหารของบริษัทรับทราบและให้หยุดดำเนินการการนำเที่ยวทุกกรณี โดยที่ผ่านมาตำรวจพบว่า บริษัทแห่งนี้นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละ4-5พันคน
ทั้งนี้ ปปง.จะรวบรวมทรัพย์สินของบริษัททั้งสอง เพื่อนำไปตรวจสอบและแยกประเภทว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าทรัพย์สินที่ยึดมีไม่น้อยกว่า50ล้านบาท
ล่าสุดมีการตั้งข้อสังเกตุถึงการลุยจับของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่ดี น่าสนับสนุนชมเชย เพราะนอกจากนี้ยังมีการหลบภาษี และไม่ปฎิบัติตามก.มของไทยหลายประการโดยไม่เกรงกลัว เพราะมีคนไทยมาเฟียในจังหวัดนั้นๆร่วมมือ
แต่จากแหล่งข่าวภายในบอกกับตนว่า การที่กรมพัฒนาฯดำเนินการนี้เพื่อหวังผลจะออกก.ม ใหม่ แก้ไขให้การจดทะเบียนบริษัทสามารถดำเนินการได้เพียง คนเดียว นั่นหมายถึงผู้ขอจดทะเบียนบริษัทจัดตั้งบริษัทไม่จำเป็นต้องมีสามคนเช่นปัจจุบัน เมื่อมีคนเดียว ต่างชาติที่คิดจะเปิดบริษัทจึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนไทยให้เป็นนอมินี มาถือหุ้นแทน เปิดโอกาสให้มีการลงทุนในไทยได้อย่างง่ายๆ และบริหารกิจการได้สะดวก
แต่กรมพัฒนาฯคงลืมไปว่า จะส่งผลกระทบต่อปทชาติโดยส่วนรวมได้อย่างไรถ้าไม่มีคนไทยร่วมรับรู้รับทราบอยู่ในบริษัทนั้น การดำเนินธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยก.ม สามารถทำได้สะดวก แม้แต่กรมสรรพากรยังเข้าตรวจสอบได้ยาก
หากเป็นกิจการคนไทยล้วน เปิดคนเดียว ปัญหาคงไม่มากเท่ากับให้ต่างชาติดำเนินการ จึงขอให้กรมพัฒนาฯคิดให้ดีก่อนเสนอก.ม นี้ อย่าคิดแต่จะเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติมากจนลืมความสำคัญของปทไปเสีย
ใส่ความเห็น