องค์กรอิสระ “สำนักงานอัยการสูงสุด” อำนาจที่มองไม่เห็นหัวประชาชน
องค์กรอิสระ “สำนักงานอัยการสูงสุด” อำนาจที่มองไม่เห็นหัวประชาชน
ประเทศไทยมีการเปลื่ยนแปลงเลียนแบบต่างประเทศในเรื่องของการแปลงหน่วยราชการให้เป็นองค์กรอิสระ เพื่อป้องกันการก้าวก่ายจากนักการเมือง ขณะเดียวกันกลับนำอำนาจนั้นไปอยู่ในมือของคนครึ่งคนครึ่งร่างคือ วุฒิสภา ที่มาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งจากการสรรหาครึ่งหนึ่ง
เราไม่อาจปฎิเสธได้ว่า วุฒิสภานั้นไม่ได้มาจากการเมือง ทั้งที่วุฒิสภา ควรทำหน้าที่กลั่นกรองก.ม ให้มีความรอบคอบก่อนออกมาบังคับใช้ ไม่ใช่มีหน้าที่ที่จะเข้าไปแต่งตั้งหรือเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ใดในหน่วยงานราชการ
ผู้นำองค์กรอิสระควรมาจากเสียงของประชาชน เลือกเข้ามา
จะเห็นว่าผู้นำองค์กรอิสระทุกวันนี้ จึงไม่นำพาต่อความสำคัญของผู้ใด นอกจากหน่วยงานที่ให้คุณให้โทษแก่ตัวเอง
การแต่งตั้งสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อปี2553มีการออกพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ มาบังคับใช้ เป็นองค์กรอิสระ อำนาจล้นฟ้าอยู่ที่อัยการสูงสุด
อัยการจึงไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด นอกจากอัยการด้วยกันเอง โดยมีก.อ หรือที่เรียกกันว่า “คณะกรรมการอัยการ” ที่มาจากข้าราชการอัยการด้วยกันเองขึ้นมาควบคุมอำนาจ รองลงไปได้แก่ อัยการสูงสุด ที่ถูกเลือกมาจากคณะกรรมการอัยการ นั่นเอง แล้วนำรายชื่อส่งให้วุฒิสภาเห็นชอบ โดยมีประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
จึงเห็นว่าข้าราชการอัยการ เป็นอิสระจริงๆ ไม่ต้องวิ่งประจบประแจงใครนอกจากพวกตัวเอง
อำนาจของอัยการสูงสุด จึงล้นฟ้า การปลด การตั้ง อยู่ที่ ก.อ
ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด
การร้องเรียนของปชชที่มีถึงอัยการสูงสุดก็ดี ถึงอธิบดีภาค ก็ดี หากอัยการสูงสุดไม่เล่นด้วยหรือปล่อยไปตามน้ำ โอกาสที่ปชช.จะได้รับความเป็นธรรมจากการตรวจสอบ จากการร้องเรียน จึงเป็นเรื่องที่ปชชอาจหวังไม่ได้
กรณีสำนักงานอัยการประกาศออกสื่อว่าคดีขาโจ๋ฆ่าชายพิการ อัยการไม่ได้สั่งฟ้องข้อหาไตร่ตรองฆ่า แต่อัยการจะค้านการประกันตัว
แต่เมื่อถึงเวลาจริง อัยการกลับให้ศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ
เรียกว่าลอยตัวเหนือปัญหา เช่นเดียวกับนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ว่า “อัยการต้องให้ความเป็นธรรรมกับทั้งสองฝ่าย”ดังนั้นใครที่ติดตามผลงานในการต่อสู้คดีของข้าราชการอัยการแล้ว จะเห็นได้ว่า อัยการจะทำหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลยในคดีด้วยพร้อมกันด้วย
ผิดกับสมัยก่อนๆที่ทำหน้าที่เป็นทนายรัฐต้องการเอาคนผิดถูกลงโทษ แต่ปัจจุบันนโยบายเปลื่ยน การทำหน้าที่เอาคนผิดลงโทษกลายเป็นหน้าที่เพียงตั้งคำถามโต้ตอบไปมาระหว่างจำเลยกับทนายบนบังลังค์ศาล และเสนอเอกสารทางคดีให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย ตัดสิน
ไม่ใช่เป็นการสู้คดีเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ในฐานะทนายฝ่ายโจทก์
จะเห็นว่าหลายคดีอัยการเป็นฝ่ายแพ้ ปชช.จึงควรตั้งทนายร่วมเข้าไปในคดี เนื่องจากหากแพ้คดีขึ้นมา จะไม่สามารถร้องอุทธรณ์ต่อศาลได้ ต้องให้อัยการศาลสูงเป็นผู้พิจารณาว่า จะอุทธรณ์หรือไม่ หากอัยการศาลสูงขี้เกียจทำงาน ขี้เกียจศึกษาคดี หรือไม่เห็นประเด็นในการอุทธรณ์ หรือไม่เห็นความจำเป็นในการอุทธรณ์ คดีจะเป็นอันสิ้นสุดทันที
การแต่งตั้งทนายเป็นโจทก์ร่วม จึงมีความจำเป็น อย่าเชื่อใจอัยการไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก
เพราะอัยการปัจจุบันเป็นอิสระ เกรงกลัวแต่พวกกันเอง ดังนั้นต่อให้ร้องเรียนเข้าไปยังอัยการสูงสุด ผู้นำของหน่วยงานนี้จะเห็นปชชดีกว่าลูกน้องตัวเองได้อย่างไร
แถมท้ายให้ปชชที่ร้องเรียนเจ็บใจเล่นเสียอีกว่า “อัยการไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่มีผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด”
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ปชชควรจะเสนอแก้ก.ม “องค์กรอิสระ มีไว้เพื่ออำนาจตัวเองหรือเพื่ออำนาจปชช”
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ผู้นำองค์กรอิสระควรมาจากการเลือกตั้ง
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะยุบองค์กรอิสระที่ทำงานไม่ได้ผลตามที่ตั้งขึ้นมา
“พัชรินทร์ พัน”
ฟ้องช่างโยธา ตรวจวัดความกว้างยาวเท็จ ปอ มาตรา 269 อัยการที่รับแก้ต่างก็ไม่ยื่นคำให้การแก้ต่าง ว่าไม่เท็จอย่างไร ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่น่าจะใช้สิทธิจำเลยที่จะไม่ยื่นคำให้การ ควรให้ความเป็นธรรมกับโจทก์ ซึ่งเป็นประชาชนด้วยทั้งสองฝ่าย ว่าตรวจอาคารไม่เท็จ อย่างไร ฟ้องตั้งแต่ปี 2556 ไต่สวนมาถึงปัจจุบัน 3 ปีกว่าก็ยังไม่ยื่นคำให้การแก้ต่าง ก็ไม่ทราบเหตุผล น่าจะ ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายด้วย ฟ้อง ในกรุงเทพนี่เอง
อัยการพิจารณาสั่งคดีจากพยานหลักฐานในสำนวนเนื่องจาก ระบบการดำเนินคดีของไทยเป็นระบบกล่าวหา หากมีข้อสงสัยศาลจะยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย
การทำงานในหน้าที่พนักงานอัยการ เพื่อนำคนผิดให้ถูกลงโทษ การสั่งคดีเป็นอิสระ ตามข้อเท็จจริงในคดี เมื่อมีความเห็นใดแล้วต้องอธิบายและตรวจสอบได้ ผลของการสั่งฟ้องผู้ต้องหา หมายความถึงการจำกัด เสรีภาพของคนๆนั้น ดังนั้น พนักงานอัยการไม่สั่งคดี ตามอำเภอใจ นะครับ กว่าจะเข้ามาสู่อาชีพนี้ ต้องมีทั้งความรู้ และคุณธรรม รวมถึงบุญกุศลที่ได้ปฎิบัติมา ถ้าไม่ได้เป็นอาชีพนี้ ไม่ควรแสดงความเห็นผ่านบทความที่ทำให้ผู้อ่านที่ไม่เคยรู้ว่า อัยการทำงานอย่างไร ให้เข้าใจผิด คดีที่มีผลงานมีเยอะ แต่อัยการไม่เคยต้องมาประกาศให้ประชาชนรับรู้ เพราะต้องมช้เวลาไปพิจารณาสั่งคดีให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด ครับ
อัยการคงไม่ได้ดีไปหมดทุกคน ไม่ควรที่จะออกหน้ารับใคร แม้แต่ศาลจริยธรรมในการทำงานมีมากกว่า ยังถูกไล่ออกหลายคน