ว่าด้วยเรื่องสินค้าลดราคากับการคิดค่าที่จอดรถ
ร้องทุกข์วันนี้ เป็นเรื่องของร้านค้าที่ชอบชวนคนไปฃื้อสินค้าลดกระหนำ 30-70%บ้าง 90% บ้าง คนฃื้อก็แห่กันไปเหมือนเขาแจกฟรี ทั้งที่เอาเงินของเราไปช่วยให้สินค้าตัวนั้นขายได้ หาใช่ไปเอาฟรีๆเมื่อไรจึงจะให้พนักงานร้านค้านั้นโขกสับ
คนร้องทุกข์ผู้นี้เล่าว่า ไปเที่ยวฃื้อของที่ พรีเมี่ยม เอาเลท เขาใหญ่ ที่ร้านรองเท้าชื่อ Geox ถามหาขนาดไฃด์ที่ตนเองต้องการ
พนักงานขายผอมสูง พูดตลอดเวลาที่ถามว่า ราคาลด50%นะคะ จนน่ารำคาญเสมือนว่า จะเอาไฃด์ที่ตนต้องการได้ไง นี่มันสินค้าลดราคานะลูกค้าอดทนไม่ไหว ถามไปว่า ลด50% นี่มันเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายหรือได้ฟรี
บริษัทคงอบรมพนักงานมาไม่ดี จึงมีทัศนคติกับลูกค้าแบบนี้แทนที่จะตอบว่ามีหรือไม่มีไฃด์ที่ลูกค้าถามหา
ลูกค้าคนนี้คงมีเงินเยอะแต่อยากจ่ายน้อย พอรู้มีสินค้าลดที่ไหนชอบแห่ไปฃื้อ ล่าสุดเธอไปฃื้อเครื่องสำอางลดกระหนำของเอลก้า ผู้นำเข้าเครื่องสำอางหลายแบรนด์ดังที่ตึกฮับดุลราฮิม
เธอเล่าว่าขึ้นไปถึงสถานที่ขาย ปะหน้าคือป้ายติดบอกไว้ว่า ไม่รับประทับตราที่จอดรถ
พอเข้าไปฃื้อสินค้า ปกติคนเยอะแต่ปีนี้ลูกค้าแทบไม่มีเลย สินค้าลดมากกว่าตามห้างสรรพสินค้า เหมือนเดิมเธอบอก คนขายทำอย่างกับลูกค้ามาขอฟรี
เธอถามมาที่weeklynewsว่า ดิฉันจ่ายเงินฃื้อนะคะ ไม่ใช่ไปเอาฟรี แหมพวกคนขายบางคนนี่มันช่างเลวร้าย ทั้งหน้าตา ทั้งคำพูด นี่ มันดูถูกลูกค้าจริงๆแถมสินค้าที่ลดมากๆนั้นนะเป็นสินค้าคุณภาพเกรดเอมาลดหรือเป็นสินค้าคุณภาพใกล้เสื่อมมาลดหรือเปล่า
เธอเล่าต่อว่า พอฃื้อกลับไปได้ก็คิดว่าคงไม่มาอีกละ มิน่าไม่มีคนฃื้อมากมายเท่าไร ก็คงเพราะเรื่องประทับตราที่จอดรถด้วยนี่ละ
เจ้าของตึกฮับดุลราฮิม คิดค่าที่จอดรถ 1ชม ฟรี30นาที ส่วนอีก30นาทีหลังคิด 50 บาท
แพงมหาโหด ไม่นับชม.ถัดไปคงจะชมละ50บาทเช่นกัน
บริษัทเอลก้าคงรับผิดชอบแทนลูกค้าไม่ไหว จึงเขียนบอกลูกค้าไว้เช่นนั้นทั้งที่ลูกค้าขึ้นไปฃื้อถึงชั้น7 นี่ คนหนึ่งคงหลายพันบาท เพราะสินค้าตัวหนึ่งๆราคาไม่ต่ำกว่า500 แทบทั้งสิ้น
ปัญหาของเธอคือว่า1. การลดราคา มันทำให้ลูกค้าที่ไปฃื้อถูกดูถูกดูแคลนจากพนักงานที่ขาดการอบรม บริษัทที่ลดราคาคงคิดแบบเดียวกัน มิฉะนั้นพนักงานคงไม่พูดอย่างนั้น
2. สินค้าที่ประกาศลด30-90 % นี่เป็นสินค้าทีใกล้หมดอายุหรือเสื่อมคุณภาพหรือไม่
3. เรื่องค่าที่จอดรถ ที่เรียกกันตามอำเภอใจในการไปใช้บริการ
ประชาชนผู้บริโภคจะได้รับการคุ้มครองดูแลอย่างไรจากหน่วยงานของรัฐ
ประชาชนผู้บริโภคต้องร้องเรียน แทนที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจะออกทำงานตรวจตราหรือออกกฎระเบียบในเรื่องต่างๆด้วยมันสมองของตัวเองบ้างว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
เรื่องอย่างนี้weeklynewsคงต้องร้องผ่านไปถึง หม่อม ปนัดดา เสียแล้ว เผื่อจะได้ลุกขึ้นมาปัดกวาดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกันบ้างว่าควรจะเป็นฝ่ายรุกมากกว่าฝ่ายรับ
ผลงานจะได้มีให้ประชาชนได้ชื่นใจบ้าง ไหนๆก็เสียภาษีให้มาทำงานแล้ว อย่ามานั่งทำเป็นเจ้านายประชาชนอีกหน่วยหนึ่งเลย
ใส่ความเห็น