เหตุผลที่สองผพษ. ท่าน บุญเขตร์ พุ่มทิพย์ และ ท่าน อนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เรียกร้องให้ประธานศาลฎีกายกเลิกส่งผพษ.เข้าเรียนวปอ. และสารพัดเรียน กันผพษ.ไปผูกมิตรกับนายทุนธุรกิจ นายทุนธนาคาร และนายอะไรมากมายที่จะหาประโยชน์จากการตัดสินคดี นั้นอาจจะได้ยินแล้วว่า ก.ต มีการพิจารณาสอบสวนการทำผิดวินัยร้ายแรงของสองผพษ.ระดับอธิบดี ของศาลแพ่งแห่งหนึ่งพร้อมรองอธิบดีนั้น เกิดจากกล้องวงจรปิดเก็บภาพสำคัญนั้นไว้ได้ นำไปสู่ข้อมูลการสั่งคดีที่นักธุรกิจชื่อดังบ้านนั้นได้ผลประโยชน์

และไม่ใช่ระดับนี้เท่านั้นเมื่อมองไประดับศาลฎีกา ฃึ่งเป็นผพษ.ศาลสูงสุดในการตัดสินคดี เป็นศาลที่คดีสิ้นสุด อำนาจในการสั่งคดีจึงเด็ดขาด แต่ปชช.จะเชื่อมั่นหรือไม่ว่า ศาลฎีกาจำนวนร้อยกว่าท่านจะเป็นคนดีมีจรรยาบรรณ บริสุทธิ์ ทั้งหมด

ตราบใดที่การ “เอาโทษ” ผพษ.เป็นไปอย่างลำบาก เพราะเป็นเรื่องของการใช้ ”ดุลพินิจ”ที่ไม่มีใครก้าวล่วงได้ หรือเอาผิดได้ง่ายๆ ปัญหาการรับผลประโยชน์จึงไม่อาจพิสูจน์ได้ง่ายอย่างคนธรรมดาทั่วไป

ดังนั้นหาก “จับได้”เมื่อใด โทษที่ควรได้รับจึงควรจะหนักยิ่งกว่าข้าราชการทั่วไปหลายเท่า

แต่การณ์กลับเป็นว่า เมื่อรู้ก.มมากแทนที่จะกลัวเกรงก.ม ก็ใช้ก.ม มาป้องกันตัวเอง เพราะมีเพื่อนในองค์กรวัฒนธรรมตัวเองอาจจะช่วยปกป้อง จึงเห็นว่าแม้ ก.ต จะไล่ออก แต่การฟ้องร้องตามมาตรา157 กลับดำเนินคดีอย่างล่าช้า กว่าจะครบสามศาลถ่วงไปถ่วงมากินเวลาอาจจะครบอายุความ และถ้าสุดท้ายตัดสินไม่มีความผิด การที่ก.ต ไล่ออก จะส่งผลอย่างไรหรือไม่ หรือหากตัดสินว่าผิด จะมีการอ้างความดีลดโทษกันหรือไม่

ถึงเวลาหรือยังที่ควรจะแก้ปัญหานี้ด้วยการแก้ไขก.ม ให้ลงโทษหนักแก่ผพษ.ที่นอกรีต โดยเฉพาะการตัดสินคดีเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ หรือ นายทุนธนาคาร
อย่างธนาคารรัฐ ที่อาจจะมีผพษ.บางคนที่กำลังเลียนแบบไต่เต้าช่วยเหลือคดีเพื่อเข้าถึงนายธนาคารเงินหนา ให้ชนะคดี เป็นการเข้าถึงนายทุนได้วิธีการหนึ่ง หรือไม่
ปชช.ต้องช่วยกันตรวจสอบ ยิ่งคนเป็นลูกหนี้ ยิ่งต้องตรวจสอบว่าได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาคดีหรือไม่

และองค์กรศาลต้องตรวจสอบด้วยว่าหากลูกหนี้ร้องเรียนการปฎิบัติหน้าที่ของผพษ.ต้องไม่ปล่อยให้ศาลหน่วยนั้นร่วมมือกันกลั่นแกล้งผู้ร้องเรียนและต้องให้ความเป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยมิต้องตอบผลการสอบว่า “ไม่พบเหตุการณ์ตามที่ร้องเรียน” เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้น ผู้ร้องเรียนจะกล้าร้องหรือ

มันก็เป็นเรื่องจริงที่หน่วยงานด้วยกันเองของราชการมักจะรายงานการสอบสวนเป็นเท็จหรือข้ามข้อมูลสำคัญแล้วสรุปว่า “ชอบด้วยกฎหมายแล้ว” หรือ “ตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด” เป็นต้น

ทำให้ปชช.จะพึ่งใครได้ เพราะที่สุดแล้ว อำนาจการตัดสินพึ่งได้หรือไม่ อยู่ที่ผพษ. อีกแหละ หากได้ผพษ.ที่ทำหน้าที่ตามคำสาบานตน ก็ถือเป็นโชคดี แต่ถ้าไม่ ปชช.ควรจะระวังตัวอย่างไร เตรียมรับมืออย่างไร

น่าที่องค์กรศาลจะนำเสนอ และ แนะนำ ให้ปชช.ตระหนัก ได้อย่างไร ดีกว่าจะใช้แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินคดีออกมาเพื่อปิดปากผู้ที่ร้องเรียนศาล ปิดกั้นข้อมูลที่องค์กรศาลจะนำไปแก้ไข ปรับปรุง หน่วยงานให้ดีขึ้น

โลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งเทคโนโลยี่ โอกาสที่จะรู้ข้อมูลทำได้ไม่ยาก หากปชช.ร่วมมือกันตรวจสอบ เป็นตาสัปปะรด ส่งข้อมูลให้องค์กรศาลยุติธรรม คิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาผพษ.ประพฤติมิชอบได้หรือไม่ และองค์กรศาลยุติธรรมจะดีใจหรือไม่ หากปชช.จะช่วยกันทำให้องค์กรนี้โปร่งใส เป็นที่ศรัทธาเชื่อถือของปชช.?

พัชรินทร์ พันธวงศ์