คุณธรรมในองค์กรยุติธรรม ปชช.พึ่งได้จริงหรือ
คำว่า”สำนวนการสอบสวน”เป็นความลับเปิดเผยไม่ได้ แต่จะมีใครรู้ไหมว่าสำนวนอ่อนกับสำนวนแข็ง ต่างกันอย่างไร
สำนวนอ่อน ทำให้ยกฟ้องได้
สำนวนแข็งทำให้ติดคุกได้
ความชั่วของคนเป็นตร.จึงอยู่ที่ตรงนี้ จะทำสำนวน เขียนอะไรใส่ลงไป ผู้ถูกกล่าวหา ไม่มีวันรู้ (ยกเว้นพวกวิ่ง) พอขึ้นสู่ชั้นอัยการ ที่วันๆคดีก็เยอะก็เชื่อตามสำนวนที่ตร.ส่งมานั่นแหละ สั่งคดีฟ้องหรือไม่ฟ้อง ตามตร.หรือแย้งกับตร. ก็ใช้วิธีการสอบสวนเพิ่มเติม
เจออัยการดีมีคุณธรรม สงสัยสำนวนก็สั่งสอบเพิ่มเติมให้ประเด็นไป ตร.เห็นเช่นนั้นกว่าจะสอบใช้เวลาเป็นปี
พอส่งไปพิจารณาคดีที่ศาล ระบบกล่าวหายัดคนเข้าคุกก่อนจึงเป็นช่องทาง”หาเงิน” เรียกกันเป็นห้าล้านร้อยล้านตามคดี ดวงตกทันที ไม่อยากติดคุกก็จำต้องวิ่งหาเงินตามที่หมาๆต้องการ
ก.ม เอาผิดคนใช้ดุลพินิจไม่ได้ ใช้ดุลพินิจไม่ชอบธรรม ไม่ชอบด่วยกฎหมายสร้างความวิบัติเสื่อมเสียให้สังคม ให้องค์กรและบุคคล ก็ยากที่จะเอาผิดเพราะหน่วยงานตรวจสอบมันก็เข้าข้างกันอีกบอกว่า “ดุลพินิจนั้นชอบด้วยก.มแล้ว”
พ่องมึงฃิ ไอ้พวกมีสมองแต่ไม่มีหยักพวกนี้ หาสามัญสำนึกไม่ได้ หวังข่มขู่ใช้ความทุกข์ของคนยัดคดีเพิ่มอีก
เราจะหวังศาลยุติธรรม ได้จริงหรือ
เมื่อขณะนี้ศาลเองก็ถูกสังคมขาดความเลื่อมใส เรียกรับเงินวิ่งเต้นไม่แตกต่างกัน กรณี ผพษ.ถูกไล่ออกเพราะรับเงินคดีหนึ่ง70ล้านบาท ก.ต ไล่ออกไปนานโข แต่คดีอาญามาตรา157 กว่าสิบปีแล้วยังฟ้องคดีทำคดีไม่จบ ชั้นต้นยกฟ้อง ไม่มีความผิด ขำมาก ชั้นอุทธรณ์ตัดสินผิดจำคุกห้าปี ศาลฎีกาจะว่าอย่างไร ผลออกมาหรือยัง ขณะนี้ผู้ต้องหา อายุมากกว่า70 หากสั่งติดคุกก็จะติดกี่วัน ถ้าไม่เกินสี่ปี ขอขังอยู่บ้าน แล้วเงินที่ทุจริตมีการยึดหรือยัง ที่ดิน บ้าน รถเบนฃ์ ยึดหรือยังหรือเป็นชื่อเมียที่หย่ากันไปก่อนหน้าแล้ว
หรือกรณี เรียกร้อยล้านจากกปปส ช่างกล้านักผพษ.คนนี้ คดีไปถึงไหน
หรืออีกหลายคดีที่มีการตัดสินโดยใช้ดุลพินิจตามความคิดผิดๆถูกๆของผพษ. สร้างความเดือดร้อนให้คู่ความพากันสาปส่ง นั้นมากมายหลายคดี แม้จะจับผิดไม่ได้ว่ามีการวิ่งเต้น แต่หาก”องค์กรศาลยุติธรรมที่อ้างว่ามีกระบวนการตรวจสอบคำพิพากษาที่เข้มแข็งจริง” ปัญหานี้คงไม่เกิดให้ปชช.ต้อง “ ว่ากล่าว”กันลับหลัง
และที่สำคัญ เมื่อปชช.ร้องทุกข์ทั้งดักคอ ทั้งทักท้วง ทั้งร้องเรียน มีกี่เรื่องที่ตรวจสอบโดยไม่เห็นแก่หน้ากัน มีกี่เรื่องที่ฟ้องปิดปากโดยใช้ก.ม หมิ่นประมาท”มาปกป้องตัวเอง และเข้าข้างพวกตนเอง
สังคมขององค์กรศาลยุติธรรม จึงมีวัฒนธรรมองค์กร ที่จำต้องกระจ่างใส ตรวจสอบได้ โดยไม่ใช่พวกตนเอง ลำพังวุฒิสภาสองคนที่นั่งอยู่ในก.ต จะทำอะไรได้เมื่ออีก13คนเป็นฝ่ายเดียวกันทั้งหมด
คิดว่าการเลือกตั้งก.ต จะเหมือนการเลือกตั้งพรรคการเมืองหรือไม่
จะมีก.ต ชั่วๆ อยู่ในคณะ หรือไม่ หรือ ล้วนมีแต่คนดีดีทำงานวางตัวเป็นกลาง เป็นผู้มีคุณธรรมความดีทั้งหมดหรือไม่
อยากรู้จัง
ใส่ความเห็น