รายงานว่า ในช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา สำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้เผยแพร่ผลประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เกี่ยวกับวาระการพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาหลายกรณี อาทิ การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการประกวดราคาโดยมิชอบ ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ไม่อุทิศเวลาให้ราชการ  นำเงินค่าตอบแทนของผู้ประนีประนอมไปบริหารจัดการโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด เป็นนักพนัน และละเมิดจริยธรรม รวมถึงไปนั่งในห้องพิจารณาคดีของศาลแรงงาน  โดยสวมสูทมีตราสัญลักษณ์ศาลแรงงาน และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทนายความโจทก์ในคดี  

สำหรับโทษที่ผู้พิพากษาเหล่านี้ได้รับ มีทั้งการให้พ้นจากตำแหน่ง  ปลดออกจากราชการ ให้ออกจากราชการ ภาคทัณฑ์และให้ทำทัณฑ์บน เป็นต้น  มีรายละเอียดดังนี้  

กรณีแรก 

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรณีมีพฤติการณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการประกวดราคาโดยมิชอบ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นสมควรลงโทษปลดออกจากราชการ

กรณีสอง

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ แยกเป็น 

-กรณีไม่มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งในวันที่ศาลเปิดทำการในวันหยุดราชการ (เวรแขวง) มาปฏิบัติราชการล่าช้าจนทำให้งานราชการของศาลได้รับความเสียหายและคบค้าสมาคมกับบุคคลภายนอกแล้วตั้งบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ประนีประนอม โดยบุคคลดังกล่าวไม่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นควรลงโทษให้ออกจากราชการ 

-กรณีนำเงินค่าตอบแทนของผู้ประนีประนอมไปบริหารจัดการโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จำหน่ายเสื้องานวันรพีโดยบังคับให้ส่วนราชการซื้อเสื้อดังกล่าว นำเงินค่าประกาศหนังสือพิมพ์และค่าคัดถ่ายเอกสารไปบริหารจัดการแต่ไม่ชี้แจงรายละเอียดหักเงินค่านำส่งหมายแล้วนำเงินดังกล่าวไปบริหารจัดการขอให้ผู้พิพากษาในศาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงานปีใหม่และนำเงินค่าส่งหมายที่หักไว้ไปจัดงานปีใหม่แต่เจ้าหน้าที่ได้รับรางวัลและการจัดอาหารที่ไม่เหมาะสมกับจำนวนเงินที่รับไปบริหารจัดการจัดงานปีใหม่ที่บ้านพ่อค้าและขอรับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอกโดยไม่ปรากฏว่านำเงินที่ได้มาไปใช้ในการจัดกิจกรรมของศาลเป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นสมควรลงโทษให้ออกจากราชการ

กรณีสาม 

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการกรณีไม่อุทิศเวลาให้ราชการ ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่และออกนั่งพิจารณาไม่ตรงเวลา และขึ้นพิจารณาคดีโดยไม่สวมเสื้อสูทเป็นอาจิณ เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑ์และให้ทำทัณฑ์บนไว้ด้วยและให้ผู้บังคับบัญชาประเมินพฤติกรรมและการปฏิบัติงานโดยให้รายงาน ก.ต. ทุก 3 เดือน เป็นเวลา 2 ปี

กรณีสี่ 

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีมีพฤติการณ์มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยให้สำนักงานศาลยุติธรรมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไปจำนวน 1 ราย 

กรณีห้า 

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน ฯ กรณีมีพฤติการณ์เป็นนักพนัน และละเมิดจริยธรรม ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่การเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน ฯโดยเห็นชอบให้พ้นจากตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน ฯ จำนวน 1 ราย 

กรณีหก

พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานฯ กรณีมีพฤติกรรมไปนั่งในห้องพิจารณาคดีของศาลแรงงาน ฯ โดยสวมสูทมีตราสัญลักษณ์ศาลแรงงาน ฯและทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทนายความโจทก์ในคดี ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่การเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานฯ โดยเห็นชอบให้พ้นจากตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน ฯ จำนวน 1 ราย

อย่างไรก็ดี ในการเผยแพร่ผลประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ก.ต. เกี่ยวกับวาระการพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาหลายกรณีดังกล่าว มิได้มีการเปิดเผยรายชื่อ ผู้พิพากษา ที่มีพฤติการณ์การกระทำความผิดไว้แต่อย่างใด 

ที่มา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org

ทางด้านราษฎรอาวุโส ฃึ่งมีคดีความอยู่ที่ทางศาลแพ่งให้ความเห็นว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นคำตัดสินของก.ต เช่นนี้เพราะไม่จำเป็นที่ผู้พิพากษาจะถูกลงโทษเพียงทุจริตอย่างเดียว เพิ่งรู้ว่าพฤติกรรมขาดจริยธรรมก็มีสิทธิโดนลงโทษได้เช่นกัน คดีของตนในศาลแพ่ง ก็มีเรื่องสงสัยว่าตนชำระหนี้ให้ธนาคารไปแล้วทำไมศาลงดไต่สวนแล้วตัดสินว่าเงินที่ตนจ่ายไปนั้นไม่ใช่เงินชำระหนี้แต่เป็นเงินค่าธรรมเนียม ทั้งที่ธนาคารก็มีมติว่าเป็นการชำระหนี้ปิดบัญชี ตนสามารถร้องถามไปที่ก.ต ได้หรือไม่

การที่ก.ต มีมติลงโทษผู้พิพากษาที่ทำผิดจริยธรรมในทางอื่นนอกเหนือจากทุจริตตนเห็นว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว ผู้พิพากษาจะได้ตัดสินอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ดุลพินิจตัดสินคดีหากเกิดความผิดพลาดก็ควรจะได้รับโทษเช่นกัน จะได้เป็นการป้องปรามได้ทางหนึ่ง