ข้าราชการเชียงรายทุกหน่วยงานตั้งแต่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดรวมณรงค์ศักดิ์คนดังมีสิทธิเจอ.157 หลังปล่อยให้นายทุนบุกดอยแม่สลองสร้างโรงแรมบนที่ป่าสงวนเขตต้นน้ำลำธาร พลันที่กฤษฎีกาตีความคดีปารีณาพื้นที่ใดที่สปก.ยังไม่เข้ารังวัดออกเอกสารสิทธิ์ที่นั้นยังคงเป็นพื้นที่ที่ป่าสงวน

กรณีที่ผู้สื่อข่าวเปิดเผยถึงการก่อสร้างโรงแรมหรูบนดอยแม่สลองเกือบ40 แห่งบนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ทหารขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อใช้ในราชการทหารตั้งแต่ปี2516 ก่อนที่จะมีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเป็นเขตปฎิรูปที่ดินในปี2537 นั้นปรากฎว่าทหารโดยกองบัญชาการสูงสุดได้นำที่ดินบางส่วนมอบให้กองพล93ฃึ่งมีจำนวนประมาณ1000คนได้อยู่อาศัยโดยกำนดขอบเขตครอบครัวละ15ไร่มีเงื่อนไขคือ1.ให้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว2.ให้ทำการเกษตรเท่านั้น3. ห้ามฃื้อขาย

แต่ปรากฎว่าในปี2532 กองบัญชาการทหารสูงสุดกลับปล่อยปละละเลยให้มีการสร้างโรงแรมหรูขนาดใหญ่จำนวน4 แห่งโดยมีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายทะเบียนออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้กับบุคคลต่างด้าวที่แปลงสัญชาติและเป็นเจ้าของโรงแรมเหล่านี้

และมีการออกใบอนุญาตเพิ่มอีก6รายรวมเป็น10รายต่อมามีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม1รายในสมัยผู้ว่าฯชื่อนายปรีชา กมลบุตรโดยเลือกการปฎิบัติส่งผลให้มีการฟ้องศาลปกครองตัดสินว่าที่ดินป่าสงวนไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้แก่ผู้ใดได้

แต่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายมาถึงนายณรงค์ศักดิ์โอสถธนากรคนดังยังลงนามต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้กับโรงแรมอีก9แห่งนั้นอยู่ขณะที่มีโรงแรมเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ30แห่งและยังกำลังก่อสร้างอีกหลายแห่งโดยหน่วยราชการที่ดูแลทั้งกอรมน. ป่าไม้อบต. แม่สลองนอกและสถานีตำรวจอำเภอแม่ฟ้าหลวงและสปก. ต่างละเลยละเว้นในการดำเนินคดีกับผู้ก่อสร้างผิดวัตถุประสงค์ในการได้รับสิทธิอยู่อาศัยชั่วคราว

และยังปล่อยให้มีการขยายตัวชุมชนเพิ่มขึ้นโดยผิดกฎหมายของชาวต่างด้าวอื่นๆนอกเหนือจากกลุ่มนายพล93ฃึ่งกองบัญชาการทหารสูงสุดให้อยู่เพียงแค่1000 คนเท่านั้นแต่ปัจจุบันมีการขยายตัวกลายเป็นชุมชนใหญ่ยากต่อการควบคุม

โดยล่าสุดกอรมน. สปก. ป่าไม้  สถานีตำรวจแม่ฟ้าหลวง  ปลัดอบต.แม่สลองนอกได้รับคำสั่งจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายนายภาสกรให้ร่วมมาตรวจสอบหาตัวผู้บุกรุกกลับปรากฎว่าทุกหน่วยงานเหล่านี้ต่างเรียกผู้ประกอบการโรงแรมมาพูดอ้อนเอาใจผุ้ประกอบการว่าอย่าวิตก  อย่าฟังเฟกนิวส์(อ่านข่าวhttp://weeklynewsonline.net/?p=4054) ยกเว้นหัวหน้าสปก.เชียงรายคนใหม่คือนายมณู  วงษ์สุนทร  ที่ได้บอกถึงความจริงไม่ล่อลวงให้ผู้ประกอบการหลงผิดว่าที่ดินสปก.ไม่สามารถอนุญาตให้สร้างโรงแรมได้

ฃึ่งสปก.ได้เคยมีหนังสือตอบถึงอดีตผู้ว่าราชการเชียงรายแล้วแต่ไม่มีหน่วยราชการใดสนใจต่อกรณีคำถามว่าหนังสืออนุญาตให้อยู่อาศัยและประกอบเกษตรกรรมของกองบัญชาการทหารสูงสุด(ที่มอบให้กองพล93 ประมาณ1000 คน)เป็นเอกสารสิทธิหรือไม่อย่างไรและพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตตามหนังสืออนุญาตดังกล่าวอยู่ในอำนาจของสปก.ในการปฎิรูปหรือไม่

โดยสำนักงานปฎิรูปที่ดินได้กล่าวตอบว่าไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่เป็นเอกสารที่ใช้ประโยชน์ในราชการทหารเพื่อกำหนดแนวเขตสำหรับผู้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยและประกอบการเกษตรกรรมเป็นการชั่วคราวในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฃึ่งใช้ในราชการทหารของกองบัญชาการทหารสูงสุดฃึ่งต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ.2507 และมีเงื่อนไขห้ามนำไปจำแนกแจกจ่ายหรือฃื้อขายไม่ว่ากรณีใด  อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเอกสารภาพข้างบน

สอดคล้องกับสำนักงานกฤษฎีกาที่สรุปความเห็นกรณีที่ดินปารีณาที่อ้างว่าเป็นที่ดินสปก.โดยสรุปชัดว่ายังเป็นพื้นที่ป่า ”

แม้จะมีพ...กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินแต่ยังไม่ถือว่าเป็นการเพิกถอนสภาพป่าจนกว่าจะได้จัดสรรให้กับผู้ได้รับอนุญาตแล้วให้สปก.และป่าไม้ร่วมกันดำเนินคดีกับผู้บุกรุก

ดังนี้แล้วเมื่อเทียบเคียงกับการบุกรุกที่ดินบนดอยแม่สลองที่อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากกองบัญชาการทหารสูงสุดสปก.ได้ตอบมาก่อนหน้านั้นว่า  หนังสือนั้นไม่ใช่เอกสารสิทธิที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินที่ดินนั้นยังเป็นพื้นที่ป่าสงวน

นั่นหมายความว่า  ผู้ประกอบการโรงแรมบนดอยแม่สลองบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฃึ่งข้าราชการในจังหวัดเชียงรายย่อมทราบดีอยู่แต่กลับปล่อยปละละเลยฃึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการเอาผิดข้าราชการย้อนหลังไปให้หมดเพื่อเป็นตัวอย่างในการปฎิบัติหน้าที่ปล่อยให้ป่าต้นน้ำลำธรถูกทำลาย