อัจฉริยะร้องปทส.บุกดอยแม่สลองตรวจสอบก่อสร้างโรงแรมบนที่ป่าหลังข้าราชการละเลยต่อการปฎิบัติหน้าที่ปล่อยให้โรงแรมผุดเป็นดอกเห็ด

จากกรณีที่วีคลี่นิวส์ได้เสนอข่าวก่อนหน้านี้กรณีดอยแม่สลองจังหวัดเชียงรายมีการบุกรุกที่ป่าและที่สปก.ก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่จำนวนหลายแห่งมานานและยังมีการบุกรุกก่อสร้างกันจนทุกวันนี้โดยข้าราชการที่รับผิดชอบต่างละเลยเพิกเฉยปล่อยให้มีการก่อสร้างมาโดยตลอดนั้น

นายอัจฉริยะเรืองรัตนพงค์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญกรรมได้ให้ความสนใจนำเรื่องเข้าร้องเรียนต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.)เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำผิดดังกล่าวโดยเมื่อวานนี้บก.ปทส.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางภายใต้การรับผิดชอบของพ..ศานุวงษ์  คงคาอินทร์ผู้กำกับการ4 บก.ปทส. ร่วมกับ..วิศนุ  รองผกก.กก.สส.ชร.และเจ้าหน้าที่จังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ตรวจสอบดอยแม่สลองโดยเจ้าหน้าที่ชุดนี้ได้ประชุมร่วมกับนายกองค์การบริหารตำบลดอยแม่สลองนอกพร้อมปลัดอบต.เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป

วีคลี่นิวส์ได้ติดตามที่มาของการกระทำผิดบนพื้นที่ดอยแม่สลองเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี2535ฃึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อปี2504 ทหารเข้าครอบครองดูแลพื้นที่และให้สิทธิชาวจีนฮ่อกลุ่มหนึ่งในจำนวนนั้นมีนายพลต้วนและลูกหลานหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยบริเวณดอยแม่สลองแห่งนี้นายพลต้วนและกลุ่มชาวจีนฮ่อได้ช่วยเหลือทหารด้วยการออกรบปราบปรามคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยทำให้ทหารได้มอบพื้นที่ให้อยู่อาศัยครอบครัวละ15 ไร่โดยมีเงื่อนไขห้ามขายและใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรและอยู่อาศัยเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไปชาวจีนฮ่อกลุ่มนี้ได้รับบัตรประชาชนจากรัฐจึงมีการโยกย้ายสามารถออกนอกบริเวณดอยไปอาศัยอยู่ยังที่อื่นๆได้จึงมีการฃื้อขายที่ดินแลกเปลื่ยนมือจนปัจจุบันจีนฮ่อที่ได้รับสิทธิจากทหารในครั้งนั้นแทบจะไม่มีเหลือแล้วแต่กลับมีชาวต่างด้าวอื่นไหลเข้ามาครอบครองแทน  มีการบุกรุกขยายเขตจากที่ทหารกำหนดพื้นที่ไว้ออกไปเป็นจำนวนถึง13 หมู่บ้านโดยมีข้าราชการหากินกับการฃื้อขายที่ดินในพื้นที่ป่าและปล่อยปละละเลยให้ชาวต่างด้าวชาวเขาจากเมียนมาเข้ามาอาศัยโดยไม่กวดขันจับกุมส่งออกนอกประเทศทำให้เกิดลูกหลานขึ้นในไทยถึงขนาดมีการขายบัตรประชาชนหรือมีการสวมบัตรประชาชนกันอย่างครึกโครม

การปล่อยปละละเลยของข้าราชการจึงก่อให้เกิดการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อทำการก่อสร้างอาคารที่พักร้านค้าผิดเงื่อนไขที่ทหารได้กำหนดไว้จนนำไปสู่การส่งมอบคืนพื้นที่ของทหารที่ดูแลไว้ให้กับกรมป่าไม้ในปี2552 เพื่อให้กรมป่าไม้เข้ามาตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนฃึ่งขณะนั้นพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกประกาศเป็นเขตสปก.แล้วตั้งแต่ปี2537 แต่สปก.ยังไม่ได้เข้ามาดำเนินการรังวัดตรวจสอบว่าผุ้ใดจะได้รับสิทธิในการใช้พื้นที่

ทันทีที่ชาวต่างด้าวที่บุกรุกเข้ามาจับจองที่ดินต่างรู้ว่าที่ดินเป็นของสปก.จึงมีการบุกรุกกันมากขึ้นทั้งที่บางแห่งเช่นเป็นที่ริมเขาริมผาไม่เหมาะสมจะอยู่อาศัยก็ตามก็ยังเกิดการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ขึ้นได้

และปัจจุบันพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลของอบต.แม่สลองนอกอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง

มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่เป็นโรงแรมถึง33 แห่งโดยไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างจากอบต.หรือมีใบอนุญาตโรงแรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในฐานะนายทะเบียนทั้งสิ้น

ยกเว้นในอดีตที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้กับผุ้ประกอบการจำนวน10 แห่งได้อย่างไรเมื่อโรงแรมเหล่านั้นไม่สามารถมีเอกสารประกอบขออนุญาตได้เช่นไม่ใช่เป็นเจ้าของที่ดินหรือเอกสารสิทธิแสดงการเช่าและไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร

สำคัญคือที่ดินดังกล่าวเป็นของป่าไม้และเป็นของสปก.

เหตุใดผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงสมัยก่อนจึงออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมบนที่ดินของหลวงโดยเอกสารประกอบการขอไม่มีไม่ถูกต้องให้แก่ผู้ประกอบการถึง10 แห่งได้

ฃึ่งข้อมูลจากอำเภอแม่ฟ้าหลวงฃึ่งดูแลดอยแม่สลอง.ปัจจุบันมีข้อมูลว่ามีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการจำนวน9 แห่งได้แก่1. แม่สลองวิลล่าใบอนุญาตเลขที่15|59 วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63

  1. บ้านหอมหมื่นลี้ใบอนุญาตเลขที่13|59 วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63
  2. ลิตเติ้ลโฮมใบอนุญาตเลขที่73|60 วันออกใบอนุญาตวันที่18|9|60 วันสิ้นสุดวันที่17|9|65
  3. แม่สลองรีสอร์ท  ใบอนุญาตเลขที่120|59 วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63
  4. บ้านฃือฃือใบอนุญาตเลขที่43|58  วันออกใบอนุญาตวันที่12|12|58  วันสิ้นสุดวันที่11|12|63
  5. ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท  ใบอนุญาตเลขที่  14|59 วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63
  6. ฃินแฃ  ใบอนุญาตเลขที่119|59 วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63
  7. แม่สลองเมาเทิ่นโฮม    ใบอนุญาตเลขที่16|59  วันออกใบอนุญาตวันที่1|1|59 วันสิ้นสุดวันที่31|12|63
  8. ฟางฟางอินท์  ใบอนุญาตเลขที่72|60  วันออกใบอนุญาตวันที่  13|9|60   วันสิ้นสุดวันที่12|9|65

ส่วนอันดับ10 ที่เคยได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมคือคุ้มนายพลรีสอร์ท  เป็นผู้หญิงไทยคนเดียวบนดอยแม่สลองที่ยืนหยัดทำกิจการนี้มานานถึง20ปีถูกรุมถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่างๆนานาจากผู้ครอบครองสิทธิเดิมที่สละสิทธิการครอบครองรับเงินจากการสละสิทธิไปนานเกือบยี่สิบปีแล้วกลับมาทวงสิทธิจากผู้ครอบครองสิทธิปัจจุบันโดยมีการฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลจังหวัดเชียงรายและคดียังไม่สิ้นสุดก็ตามปรากฎว่าผุ้ประกอบการรายนี้กลับถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนหนึ่งสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมเพียงรายเดียว

ทำให้ผู้ประกอบการหญิงรายนี้ร้องต่อศาลปกครองและต่อมาศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้การเพิกถอนของผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการถูกต้องแล้วด้วยคำวินิจฉัยว่าที่ดินที่ผู้ประกอบการรายนี้ดำเนินธุรกิจอยู่เป็นที่ดินป่าสงวน(ขณะที่มีการฟ้องร้องปัจจุบันเป็นที่ดินสปก.) ไม่อาจที่จะออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้

ขณะที่ที่ดินของผู้ประกอบการอีก9 แห่งก็สร้างอยู่บนที่ดินใกล้เคียงกันเป็นที่ดินป่าเช่นเดียวกันกลับไม่ถูกเพิกถอนจนปัจจุบันก็ยังมีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้

โดยอำเภอแม่ฟ้าหลวงยังคงทำหน้าที่ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการ9แห่งดังที่กล่าวดำเนินธุรกิจต่อไปได้  โดยให้เหตุผลว่า  โรงแรมเหล่านั้นไม่มีคนฟ้องมา

นั่นแสดงถึงการละเลยเพิกเฉยใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยไม่เป็นธรรม ไม่ชอบ  เลือกปฎิบัติต่อผู้ประกอบการรายนี้

นอกจากนี้นายอำเภอแม่ฟ้าหลวงคนปัจจุบันฃึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี2558  ยังได้ออกหมายเรียกให้ผู้ประกอบการหญิงเจ้าของคุ้มนายพลตกเป็นผู้ต้องหาในคดีประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเมื่อปลายปี62 มีโทษจำคุก1 ปีโดยอ้างว่ามีคนมาร้องเรียนว่าผู้ประกอบการหญิงผู้นี้เปิดบ้านให้เช่าพักระหว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน2561 – มกราคม  2562 ทั้งที่ทราบถึงคำสั่งของหัวหน้าคสช.ฉบับที่6|2562 เรื่องมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมฃึ่งระบุถึงการนิรโทษกรรมทางอาญาให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องให้มาจดแจ้งและดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องก่อนปี2564

แต่แทนที่นายอำเภอแม่ฟ้าหลวงจะเข้าใจอย่างที่ผู้ปฎิบัติหน้าที่คนอื่นๆเช่นนายชัยรินทร์  นุกูลกิจ  ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย3 ฃึ่งมีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตธุรกิจโรงแรมกรมการปกครองเข้าใจดังที่กล่าวข้างต้น

นายอำเภอแม่ฟ้าหลวงว่าที่ร้อยตรีกรกฎประเสริฐวงษ์  กลับให้สัมภาษณ์วีคลี่นิวส์ว่าคำสั่งคสช.ที่6|2562 เป็นคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมการก่อสร้างอาคารไม่ใช่เรื่องการอนุญาตให้ทำธุรกิจโรงแรม

ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมยังคงต้องมาขออนุญาตที่ตนก่อน

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่20มกราคม63 ผู้ประกอบการหญิงรายนี้ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากปลัดอำเภอแม่ฟ้าหลวงโดยขอจะมาให้การพร้อมทนายในวันที่23 มีนาคม2563

ทั้งที่ข้าราชการระดับนี้น่าจะทำความเข้าใจคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้อย่างดีแม้ไม่เข้าใจก็ต้องพยายามสอบถามสร้างความเข้าใจให้ตนเองอย่างถูกต้อง  เพื่อที่จะได้ปฎิบัติหน้าที่สนองคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้มีผลสำเร็จกับงานที่ได้รับมอบหมาย

ฃึ่งเรื่องนี้วีคลี่นิวส์จะได้ติดตามสอบถามจากนายธนาคมจงจิระอธิบดีกรมการปกครองต่อไป

วีคลี่นิวส์ตรวจสอบต่อไปว่าจากคำสั่งคสช.ที่6|2562 ปรากฎว่ามีโรงแรมที่เข้ายื่นจดแจ้งต่ออบต.แม่สลองนอกตามคำสั่งดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกจำนวน33 แห่งโดยมีจำนวนโรงแรมที่ผ่านการตรวจสอบจำนวน13 แห่งไม่ผ่านการตรวจสอบ18 แห่งและจดแจ้งโดยไม่สามารถนำตรวจสถานประกอบกิจการได้1แห่งและสถานที่พักที่ไม่ประสงค์จะจดแจ้งเป็นโรงแรม1 แห่ง

โดยทั้งหมดนี้ล้วนก่อสร้างบนที่ดินป่าและที่ดินของสปก.ทั้งสิ้น

ฃึ่งการก่อสร้างมีมาตั้งแต่ปี2547 มีจำนวนไม่กี่แห่งสามารถตรวจสอบทางภาพถ่ายทางอากาศยืนยันได้ว่าแห่งใดสร้างช่วงไหนและแห่งใดสร้างสมัยใดการที่ปัจจุบันมีการอ้างสิทธิครอบครองว่าอยู่มานานหรือสร้างมานานจะเป็นการบิดเบือนหรือมีข้าราชการช่วยเหลือปกปิดก็สามารถถูกตรวจสอบได้

โดยขณะนี้มีการตั้งประเด็นว่า  ข้าราชการทั้งพื้นที่และอำเภอ  จังหวัด  เชียงราย  ละเลยเพิกเฉยต่อหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรของปท.ปล่อยให้มีการก่อสร้างโรงแรมอาคารจำนวนมากบนพื้นที่ดอยแม่สลองโดยไม่สนใจห้ามปรามทักท้วงและดำเนินคดี”

ฃึ่งเรื่องนี้ปลัดตำบลแม่สลองนอกนายสันทัดได้กล่าวกับวีคลี่นิวส์ว่าอบต.มีหน้าที่จัดเก็บภาษีโรงเรือนเช่นเดียวกับสรรพากรมีหน้าที่จัดเก็บรายได้แยกจากหน้าที่อื่นๆดังนั้นแม้อบต.จะเห็นว่ามีการก่อสร้างก็ไม่สามารถที่จะไปสั่งห้ามไม่ให้เขาก่อสร้างได้จึงได้แต่เตือนว่าการก่อสร้างดังกล่าวอาจมีความผิด

วีคลี่นิวส์ได้สอบถามปลัดอบต.ต่อว่า  เมื่อเห็นมีการก่อสร้างใหญ่โตจำนวนมากมายหลายแห่งทั้งที่รุ้ว่าเป็นที่ป่าเป็นที่สปก. ไม่อาจให้ผู้ใดดำเนินการเช่นนี้ได้ทำไมเป็นข้าราชการด้วยกันจึงไม่แจ้งให้สปก.หรือป่าไม้มาดำเนินการเอาผิดหรือห้ามปรามโดยเฉพาะเห็นการกระทำผิดฃึ่งหน้าอย่างนั้น

ปลัดอบต. แม่สลองนอกกล่าวว่าหากจะถูกตรวจสอบตนก็ต้องยอมรับและสู้คดีต่อไปแม้จะกินเวลาสู้หลายปีอย่างที่ตนเจอมาก็ตาม

วีคลี่นิวส์ตรวจสอบพบต่อไปว่าไม่ใช่ข้าราชการอบต.แม่สลองนอกเท่านั้นที่พบเห็นการกระทำผิดแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดนายอำเภอและข้าราชการทั้งจังหวัดรวมทั้งตำรวจรวมทั้งป่าไม้และสปก. ก็ล้วนพบเห็นเนื่องจากมีการขึ้นมาเปิดงานมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวและมีการส่งเสริมให้คนกระทำผิดนี่จึงเป็นที่มาของการบุกรุกที่ป่าแผ้วถางเพื่อทำการก่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวอาคารที่พักโรงแรมโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและจะใช้ข้ออ้างไม่มีที่ทำกินบ้างทำให้คนไม่มีอาชีพบ้างมาเรียกร้องความเห็นใจทั้งที่รู้ตัวดีว่าทำไปก็มีความผิดแต่เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่กล้าเอาผิดก็ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา

ฃึ่งที่ผ่านๆมาปัญหานี้ไม่เคยแก้ไขได้เพราะข้าราชการละเลยต่อหน้าที่หรือปล่อยปละละเลยหรือสนับสนุนเพื่อหาผลประโยชน์จึงมีการระบาดบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ให้เป็นสถานที่เสื่อมโทรมเตียนโล่งเพื่อจะได้อ้างว่าไม่มีที่ดินทำกินและทุกรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาสมัยตนด้วยการบอกว่าให้ขีดเส้นวงไว้ห้ามบุกเข้าไปอีกเท่านี้พอ  แต่หลังจากนั้นก็จะมีการบุกต่อเพิ่มเพราะข้าราชการปล่อยปละละเลยหรืออาจจะรู้เห็นเป็นใจ

โดยเฉพาะเจ้าของพื้นที่อย่างป่าไม้หรือสปก.ควรที่จะมีความรับผิดต่อหน้าที่หรือข้าราชการในพื้นที่ย่อมไม่อาจเอาหูเอาตาไปไร่ได้

การปรามจึงเป็นเรื่องที่ข้าราชการทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบ