ถ้าใครเขาจะถามว่า คุณนับถือพระพุทธศาสนา คุณมีอะไรเป็นหลัก

เราก็ตอบได้ว่ามีพระพุทธเจ้าเป็นหลัก มีพระธรรมเป็นหลัก มีพระสงฆ์เป็นหลัก

เป็นหลักอย่างไร
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ของจริง เรียกว่า ตรัสรู้สัจธรรม ธรรมของจริง
เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้ของจริงก็ได้ชื่อว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ไม่มีใครเป็นครูสั่งสอนพระองค์ พระองค์ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นหลัก ๑

หลักที่ ๒ ธรรมะเป็นของจริงทั้งสิ้น ไม่ว่าพระองค์จะแสดงอะไร แสดงด้วยของจริงออกมา
อย่างความเกิดก็ของจริง ความแก่ก็ของจริง ความเจ็บก็ของจริง ความตายของจริง

ในข้อที่ ๓ คือ หลัก ๓ หมายถึงว่า ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็สามารถได้บรรลุธรรมตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไป

ทีนี้ผู้ที่มานับถือพระพุทธศาสนาแล้วได้อะไรไป
อันดับแรกได้พุทโธไป
อันดับต่อมาก็ได้ปฏิบัติตามธัมโม คือพระธรรม
อันดับสุดท้ายก็คือตัวเราสละตัวเรามาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อย่างนี้จึงได้ชื่อว่าเรามีหลักการ
การทำการงานสิ่งใด ถ้าไม่มีหลักการแล้วนี่ ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำผิด ๆ ถูก ๆ ไป ก็มีแต่จะทำให้สังคมปั่นป่วน เพราะว่าไม่รู้ว่าความจริงมีแค่ไหน ที่เรียกว่า ผิดหลัก
ถ้าถูกหลัก สังคมก็เจริญ ไม่มีการปั่นป่วน อย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้น พวกเราทั้งหลายที่ได้พากันมาปฏิบัติธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นของดีเป็นของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก

เมื่อเป็นเช่นนั้น การปฏิบัติตัวของเราอย่างสม่ำเสมอจะเป็นผลดี

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๙/ธรรมะฟ้าสาง หน้าที่ ๒๓
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๕.๒๓