เมื่อทำความดีเช่นอย่างที่ท่านเรียกว่ากุศลกรรม กุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นกุศลนั้นตามรักษาเราในภายหลัง

ในครั้งแรกเราก็ต้องปลูกศรัทธาของเราไว้ก่อน แล้วศรัทธาที่เรียกว่ากุศล กุศลธรรมนั้นจะเป็นผู้ตามมารักษาเราภายหลัง

เหมือนกันกับเราปลูกต้นไม้ ครั้งแรกนั่นเราก็ต้องรักษามัน อย่างต้นเงาะ ต้นทุเรียน ต้นมังคุด เราก็รักษามัน พอมันโตขึ้นแล้วมันก็รักษาเรา หมายความว่าขายได้เงินได้ทองมาอย่างนี้เป็นต้น

เช่นเดียวกับการที่เราได้ปลูกศรัทธาไว้ในตัวของเรา เมื่อเรามีการทำต่าง ๆ ที่เรียกเป็นการกุศล ไม่ว่าการกุศลนั้นจะเป็นการให้ทาน เป็นการรักษาศีล เป็นการภาวนา อะไรก็ตาม ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราได้ปลูกศรัทธาทั้งนั้น

เราจะทำน้อยเราก็ได้น้อย เราจะทำมากก็ได้มาก

อย่างที่เขาทำสวนกัน สวนเล็กกับสวนใหญ่มันก็แตกต่างกัน สวนเล็กก็ได้ผลเฉพาะตัว สวนใหญ่ก็ได้ผลไม่เฉพาะตัว ได้ผลคนอื่นด้วย
เราปลูกศรัทธาก็เช่นเดียวกัน เราจะปลูกศรัทธาขนาดไหน เราปลูกศรัทธาเฉพาะตัว เราปลูกศรัทธาเพื่อส่วนรวม เราปลูกศรัทธาทั่วไป อย่างนี้เท่ากับเราปลูกศรัทธาขึ้นมา

การปลูกศรัทธานั้นไม่ใช่ของง่าย เราต้องมีความอดทน
อดทนต่อความลำบาก อดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อความเจ็บใจ

ปลูกศรัทธาให้มันยิ่งใหญ่ขึ้น
แม้ว่าจะเป็นการให้ทานก็ถือว่าเป็นการปลูกศรัทธาที่มีความยิ่งใหญ่ เป็นปัจจัยให้ถึงพระนิพพาน
เพราะว่าเวลาเราทำบุญทำทานเราก็กล่าวว่า นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ขอให้ข้าพเจ้าถึงซึ่งนิพพานเทอญ
อันนี้เราจะพูดของเราไว้เรื่อย ๆ เมื่อเรายังมีพระนิพพานเราก็ปลูกศรัทธาให้เข้มแข็งขึ้น

เพราะฉะนั้นเรื่องการปลูกศรัทธานี่จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตของเรา

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก
พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๓.๒๓