คนเรานั้นหนาแน่นไปด้วยอาสวะกิเลส

กิเลสนั้นมีอยู่ในตัวของบุคคลทุกคน
หมายถึงความโลภ หมายถึงความโกรธ หมายถึงความหลงที่อยู่ในตัวของบุคคลผู้นั้น
มันก็ชักใยอยู่เบื้องหลังทำให้เกิดความพยาบาท ทำให้เกิดความอาฆาต ทำให้เกิดความจองเวรซึ่งกันและกัน

เพราะต่างคนต่างแสวงหาประโยชน์

เมื่อประโยชน์ขัดกันทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เกิดความขัดแย้ง
ความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากความโลภ เกิดขึ้นจากความโกรธ เกิดขึ้นจากความหลง ๓ ประการนี้เป็นเรื่องใหญ่อยู่ในใจของคน

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้พากันลดระดับความโลภ ลดระดับความโกรธ ลดระดับความหลง

การลดระดับนั้นก็จะต้องลดระดับด้วยการทำสมาธิ
เมื่อทำสมาธิแล้วความโลภมันก็ลดระดับลงได้ ความโกรธมันก็ลดระดับลงได้ ความหลงมันก็ลดระดับลงได้
ก็ทำให้เขานั่นมีจิตใจสะอาดขึ้นตามลำดับเพราะเหตุที่มาทำสมาธิ

เพราะเหตุใดสมาธิจึงทำให้จิตใจของคนสะอาด

เพราะว่าคนเรานั้นเมื่อมีกิเลสแล้วมันก็มีอารมณ์
อารมณ์ร้ายบ้าง อารมณ์ดีบ้าง มันเกิดขึ้น
เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ระงับมันไม่ได้
เมื่อระงับมันไม่ได้มันก็แสดงฤทธิ์ความโกรธนี้ให้รุนแรงขึ้น ความโลภนี้ให้รุนแรงขึ้น ความหลงนี้ให้รุนแรงขึ้น

สมาธิขั้นพื้นฐานนั้นได้แก่การละอารมณ์
เมื่อยังมีอารมณ์อยู่ก็ยังไม่ถือว่าจิตเป็นสมาธิ
เมื่ออารมณ์ถูกตัดขาดไปแล้ว ที่ถูกขจัดไปแล้วจิตมันก็เป็นหนึ่ง
เมื่อจิตเป็นหนึ่งแล้วจิตก็เป็นสมาธิ
เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วจิตนั้นก็ผลิตพลังจิต
เมื่อผลิตพลังจิตแล้วพลังจิตก็ฝังสนิทอยู่ที่จิตของเรา พลังจิตนั้นก็จะเพิ่มพูนกันเรื่อยไปในเมื่อบุคคลผู้นั้นสร้างสมาธิให้แก่เขา

เมื่อเขาสร้างสมาธิให้แก่เขาอารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกขจัดไปเป็นระยะ ๆ

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๕๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๒.๑๘