ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้นั้นด้วยอาศัยอะไรที่เป็นบ่อเกิดแห่งความสามัคคี

บ่อเกิดแห่งความสามัคคีนั้นคือการให้อภัย ความให้อภัยซึ่งกันและกัน

การให้อภัยซึ่งกันและกันนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพราะว่าจิตของเราถือมานะ เขาเรียกว่าอติมานะนั้นน่ะมันเป็นประการสำคัญที่ทำให้เราแตกแยกสามัคคี
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการให้อภัยซึ่งกันและกันให้ได้

การที่จะอภัยให้กันแก่กันได้นั้นจิตของบุคคลผู้นั้นก็จะต้องมีพลังจิต
ถ้าไม่มีพลังจิตแล้วการอภัยนั้นก็พูดกันแต่ปาก ปากก็พูดอภัยแต่ใจเป็นยักษ์เป็นมาร อย่างนี้เขาเรียกว่ายังไม่มีพลังจิต

เมื่อมีพลังจิตแล้วนี่ทั้งใจก็พูดด้วย ปากก็พูดด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นในหมู่คณะก็จะเกิดความสามัคคีขึ้น
เมื่อสามัคคีแล้วนี่หมู่บ้านก็จะมีความสุข ตำบลก็มีความสุข อำเภอก็มีความสุข จังหวัดก็มีความสุข โลกก็มีความสุข อย่างนี้

เพราะอะไร
เพราะความสามัคคีแท้ ๆ

แต่สามัคคีที่จะเกิดขึ้นมาได้นั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีความอดทน มีความพากเพียร
ความอดทนและความพากเพียรนั้นก็คือการที่เรามาทำสมาธิ
การที่เรามาทำสมาธิทำตัวของเราให้สามัคคีก่อน
ก่อนแต่ที่เราจะทำหมู่คณะให้สามัคคีเกิดขึ้น

เมื่อต่างคนต่างพากันทำสมาธิมีพลังจิตแล้วมันก็เกิดความสามัคคีไปในตัวของมันเอง

บุคคลผู้ที่มาทำสมาธิเมื่อให้เกิดพลังจิตแล้ว พลังจิตนั้นก็จะกลายไปเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอภัยซึ่งกันและกันขึ้นมาได้เป็นออโตเมติก (อัตโนมัติ)

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๐๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๒.๐๖