สมาธิเป็นต้นเหตุเป็นบ่อเกิดของฌาน เป็นบ่อเกิดของญาณ ญาณก็ดี ฌานก็ดีจะเกิดขึ้นมาได้

ถ้าไม่มีสมาธิแล้ว ญาณก็เกิดขึ้นไม่ได้ ฌานก็เกิดขึ้นไม่ได้

เราไม่ต้องไปยืดไปดึง หรือไปทำอะไรให้ญาณหรือฌานเกิดขึ้น ญาณกับฌานจะเกิดขึ้นเองในเมื่อสมาธิมีกำลัง

เหมือนกันกับเรารับประทานอาหาร เรารับประทานอาหารแล้วเราไม่ต้องไปจับตัวเราดึง จับตัวเรายืดหรอก
เด็กก็เหมือนกันเราไม่ได้ไปจับมันยืดออกมาอย่างนี้ไม่ได้
มันมีทางเดียวก็คือรับประทานอาหาร
เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว อาหารก็เข้าไปเป็นวิตามิน โปรตีน แล้วก็ทำให้เด็กนั้นเติบโตขึ้นมาได้ ทำให้ผู้ใหญ่นั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ก็จากการที่รับประทานอาหาร แล้วการที่มีชีวิตชีวาหรือการที่ใหญ่โตขึ้นมาได้มันเป็นออโตเมติก มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ชั่วแต่ว่าเราทำให้ถูกต้อง หมายความว่าการที่เราจะหาพลังจิตให้แก่เรานั้นมันก็มีหนทางเดียวคือสมาธิเท่านั้น ที่สามารถที่จะทำพลังจิตให้เกิดขึ้นแก่เราได้ ทางอื่นไม่มี

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เอโก อะยัง ภิกขะเว มัคโค” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางมีทางเดียวเท่านั้นที่บุคคลจะเดินไป
ก็หมายความว่าใครจะสร้างพลังจิต พลังจิตคือบุญ วาสนา บารมี ก็มาสร้างที่การทำสมาธินี่เอง
เพราะการทำสมาธิมันเป็นจุดเริ่มต้น เป็นจุดที่จะทำให้เกิดทั้งฌานและญาณ

เมื่อเรามาทำสมาธิแล้ว สมาธิก็เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะส่งเสริมให้เรามีพลังจิต เป็นวาสนาบารมีให้แก่เรา เราเกิดขึ้นมาชาติใดฉันใด ถ้าเรายังไม่ทันพ้นไปจากทุกข์ เราได้ทำสมาธิโอกาสที่เราจะมาเกิดเป็นบุคคลผู้ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด หรือเป็นผู้มีบุญมีวาสนาได้เป็นอย่างมาก

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๔๑
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๒.๐๘