มีสติ มีปัญญา ผลสำเร็จตามมา ด้วยวิธี….
เรื่องของสติ เรื่องของปัญญาเป็นเรื่องสำคัญ
สตินั้นเป็นเรื่องของความระลึกได้ ปัญญานั้นคือการแก้ไข
สติและปัญญาก็ขอให้เข้าใจว่าสตินั้นคือการระลึกได้ ระลึกว่าเวลานี้เรามีอายุก็ป่านนี้แล้วเราได้ทำอะไรบ้างในสิ่งที่เป็นกุศลให้แก่ตนของเรา นั่นระลึกได้
ปัญญาก็ชี้บอกไปเลยว่าเมื่อระลึกได้แล้วก็ต้องหาวิธีทำเพื่อที่จะให้มันสำเร็จตามความประสงค์
การระลึกได้นั้นคือสติ เมื่อระลึกได้แต่ว่าเรายังไม่ทำก็ยังไม่สำเร็จผล
เพราะฉะนั้นแม้ระลึกได้ว่าการทำความดีนั้นเป็นผลอย่างนั้นแต่เพียงระลึกได้ก็ยังไม่ได้เป็นตัวเป็นตน ก็ยังไม่ได้เป็นบุญกุศลขึ้นมา ต่อเมื่อเราได้ทำลงไปจึงจะสำเร็จมีปัญญา
ในเมื่อสติระลึกได้แล้ว เราต้องเตรียมรีบใช้ปัญญามันถึงจะสำเร็จ
เราระลึกได้ว่าเราจะเอารถซักคันหนึ่ง เราระลึกได้แต่ว่ามันไม่ได้รถ ต้องมีปัญญาหาเงิน
เพราะฉะนั้นท่านจึงได้สอนพวกเราว่าให้พวกเราพากันมีสติและมีปัญญา
ถ้ามีสติและมีปัญญาทั้งสองอย่างประกอบกันแล้วทุกอย่างนี้มันจะสำเร็จ
เหมือนกันกับคนเรียนหนังสือเขาจะต้องมีสติว่าจะต้องไปโรงเรียน จะต้องเดินไป จะต้องมีครูสอนเรา หรืออะไรอย่างนี้ ระลึกได้
พอระลึกได้คนนั้นก็ไม่ขาดเรียน เมื่อไม่ขาดเรียนแล้วเขาก็จะได้ปัญญาขึ้นมา แล้วเขาก็จะสำเร็จ ป.๑ ป.๒ แล้วเขาก็จะสำเร็จมหาวิทยาลัย ก็สุดแล้วแต่ปัญญาจะใช้มีความสามารถแค่ไหน
เมื่อสติและปัญญาทั้งสองอย่างนี้ได้รับการอุปถัมภ์ ได้รับการบำรุง เราก็จะกลายเป็นบุคคลที่มีความสามารถ
จะเป็นหญิงก็ตาม เป็นชายก็ตาม ก็จะกลายเป็นบุคคลที่มีความสามารถเพราะมีทั้งสติและมีทั้งปัญญา
สติกับปัญญานี้ก็จะต้องตามขึ้นไปจนกระทั่งทำให้เขาได้สำเร็จผลที่สมความมุ่งหมาย
ทีนี้เราจะบำรุงสติปัญญาอันนี้ให้มันเฉียบแหลมและให้มันมีความสามารถ
เราจะทำยังไงถึงจะทำสติและปัญญานี้ให้มีความเฉียบแหลมและมีความสามารถได้
ถ้าหากว่าต้องการอยากจะพัฒนาสติและปัญญาให้เฉียบแหลมท่านกล่าวว่าจำเป็นต้องมีพลังจิต
ถ้ามีพลังจิตแล้วพลังจิตนี้จะมาช่วยทั้งสติมาช่วยทั้งปัญญาให้เฉียบแหลม
ทำให้เกิดความสำเร็จในการงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานใหญ่ก็ต้องใช้สติและปัญญา
ในเมื่อเราจะมาพิจารณาถึงว่าเราต้องมีความเจริญในตัวของเราในทางภพนี้และภพหน้า สติกับปัญญานั้นก็จะถูกรัดหรือว่าถูกพัฒนาจากพลังจิต
พลังจิตก็จะต้องเกิดขึ้นจากสมาธิ
สมาธิก็ต้องเกิดขึ้นจากคำบริกรรม
คำบริกรรมก็คือการนึกพุทโธ นึกพุทโธได้ถือว่าเริ่มสมาธิแล้ว
แล้วเมื่อจิตเป็นหนึ่งจิตก็มีความสบายขึ้น
พอจิตเป็นหนึ่งมากเข้าจิตก็เป็นสมาธิแล้วก็ผลิตพลังจิต มันก็หมุนเวียนไปอย่างนี้
เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย สติปัญญาจะต้องเป็นเครื่องนำชีวิตของเรา
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๘๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๑๐.๒๐
ใส่ความเห็น