เราท่านทั้งหลายถ้าชีวิตของเรานี้เต็มไปด้วยความเป็นคนพาล ชีวิตจะต้องตกอับ ตกอับชาตินี้แล้วก็ไปตกอับชาติหน้า

ต่อไปก็จะต้องไปถึงนรก ไปอยู่ในนรก ก็จะต้องไปเป็นเปรต ไปเป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
ท่านทั้งหลายลองคิดดูก็แล้วกันว่าถ้าไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วมันจะเป็นอย่างไร

มันก็ไม่เข้าใจธรรมะ มันปฏิบัติอะไรไม่ได้
เพราะฉะนั้นเพื่อปิดอบายภูมิทั้งสี่เหล่านี้เราพากันมาสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นแก่ตัวของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เราจะอยู่ในโลกนี้เราก็อาศัยไปชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่าเราเห็นกันอยู่แต่ไม่รู้ว่าความตายจะถึงว้นไหน

เพราะฉะนั้นการที่เรามาอาศัยอยู่ในโลกนี้แล้วก็พบพระพุทธศาสนาด้วย เราก็อย่าไปทิ้งโอกาสอันนี้เป็นอันขาด

โอกาสที่มันจะเป็นของเราน้อยหนึ่ง นิดหนึ่ง ต้องรีบเก็บ รีบทำ เพื่อที่จะให้ตัวของเรานี้เต็มไปด้วยคุณธรรม

เมื่อตัวของเราเต็มไปด้วยคุณธรรมแล้วก็ปิดอบายได้โดยแท้ ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรต ไม่ต้องไปเกิดเป็นอสูรกาย ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

เพราะฉะนั้นสติสัมปชัญญะที่เรามีอยู่ในขณะนี้นั้น ก็ต้องเจริญสติสัมปขัญญะนี้ให้มากขึ้น

การเจริญสติสัมปชัญญะให้มากขึ้นนั้นก็ต้องอาศัยการทำสมาธิภาวนา

การทำสมาธิภาวนานั้นก็ไม่ได้ยากอะไร
นั่งขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย วางไว้บนตัก หลับตานึกพุทโธก็เป็นสมาธิแล้ว
หรือแม้ว่าเราไม่ได้นั่ง เราเดินไปไหนเราท่องพุทโธไปในใจมันก็เกิดเรียกว่าพุทธานุสติ เป็นบุญเป็นกุศลไปทุกก้าวย่าง
การที่เราพากันมาสวดมนต์เยอะ ๆ อย่างที่มีการบวชชีในวัดธรรมมงคลนี่ปีหนึ่ง ๆ ก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อสวดมนต์ไปมากนี่ การสวดมนต์มากท่านบอกว่ารักษาโรคหัวใจ

เพราะฉะนั้นการสวดมนต์นี่เป็นการรักษาโรคชนิดหนึ่ง ทางนักวิทยาศาสตร์เขาก็วิจัยออกมาแล้ว นอกจากว่าจะทำให้สุขภาพกายดีแล้วก็เกิดสุขภาพใจอีกด้วย

เพราะฉะนั้นการทำสมาธิภาวนาจึงเป็นทางหนึ่งที่จะสะสมบุญ

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๖๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๑๑