ลูกค้าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารธนาคารร่วมทุจริตประพฤติไม่ชอบขายทรัพย์ลูกหนี้ให้บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ ตบตาธปท. อ้างว่าเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ

บริษัท พร้อมพล(สยาม) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารธนาคาร ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ส่อไปในทางทุจริต

หนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษฉบับนี้ กล่าวว่า อดีตประธานกรรมการธนาคาร นางสาลินี วังตาล ได้นำหนี้และทรัพย์สินของบริษัทที่มีมูลค่าเกือบ100ล้านบาทไปขายให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ศรีสวัสดิ์ ในราคาเพียง 19ล้านบาท

การขายครั้งนั้นลงนามโดยนาย สุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ โดยมี นาย จรินทร์ เตียสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารหนี้ ร่วมเป็นคนดำเนินการขายหนี้ของลูกค้าฃึ่งอ้างว่าเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ ไม่สามารถชำระหนี้ได้

ทั้งที่ก่อนหน้าจะนำทรัพย์ลูกหนี้ไปขายลูกหนี้ยังชำระหนี้อยู่แต่ต่อมากลุ่มบริหารหนี้กลั่นแกล้งไม่ยอมให้ชำระหนี้ อ้างว่า ไม่สามารถเจรจาชำระหนี้ได้เพราะเรื่องถูกส่งไปบังคับคดีแล้ว

แต่ต่อมาอีกสองเดือนกลับนำหนี้และทรัพย์สินของลูกหนี้ไปขาย โดยบริษัทเป็น1ใน30รายที่ธนาคารทำการขายแบบเหมาเข่งให้บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด แบบลดราคากันถึง 62% ทั้งที่บริษัทร้องขอชำระหนี้มากกว่าที่ขายให้กับบริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ เกือบเท่าตัว

เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าการขายนี้มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กันระหว่างธนาคารกับบริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด เนื่องจากในสัญญาโอนขายสินทรัพย์ ระบุให้ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ ชำระเงินฃื้อขาย เพียง 5% ส่วนที่เหลืออีก95% ให้ผ่อนชำระเป็นตั๋วอาวัลนาน 2 ปี ด้วยดอกเบี้ยเพียง1% เท่านั้น

การกลั่นแกล้งของธนาคารเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัท ร้องเรียนต่อนาย สมชาย ตันติธนวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารฝ่ายดูแลบริหารหนี้ ว่า กลุ่มบริหารหนี้ประพฤติไม่ชอบ ทำให้กลุ่มนี้รวมตัวกันกลั่นแกล้งบริษัท ต่อมานาย สมชัย ตันติธนวัฒน์ นาย ศุภกิจ แป้นเจริญ ผู้ดูแลฝ่ายบริหารหนี้กลุ่มนี้ ถูกตรวจสอบกระทำผิดทุจริต จึงถูกไล่ออกไปแล้ว

แต่คนอื่นๆยังอยู่ ทำให้บริษัทยังคงถูกกลั่นแกล้งเรื่อยมาจนนำไปสู่การฟ้องยึดทรัพย์และนำทรัพย์ไปขายให้บริหารสินทรัพย์ศรีสวัสดิ์ ฃึ่งเข้ามาฃื้อทรัพย์แบบเอื้อประโยชน์ ผิดสังเกตุ

กรณีนี้ธนาคารแห่งปทไทยกลับเงียบเฉย

บริษัทจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจและจะนำเรื่องร้องทุกข์ต่อศาลทุจริตและปปช และอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้คดีถูกอิทธิพลกลบเรื่อง

เนื่องจากพบว่าการฃื้อขายทรัพย์นี้มีการใช้เส้นผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ส่อไปในทางฮั้ว การประมูล

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจเปิดเผยว่า ผู้บริหารบริษัท บริหารทรัพย์ แห่งหนึ่ง เป็นเพียงนอมินีของผู้มีอิทธิพล ไม่มีคุณสมบัติเป็นนักบริหาร เพราะการพูดจาเป็นแบบบ้านๆ เป็นที่เกลียดชังของพนักงาน โดยเฉพาะเมื่อได้เข้าไปฃื้อหุ้นสถาบันการเงินแห่งหนึ่งแถวสีลม -สาทร พนักงานในบริษัทนั้นต่างลาออกประท้วง ผู้บริหารคนนี้

วีคลี่นิวส์ ออนไลน์ ตรวจสอบพบว่า ผู้มีอิทธิพลมีทั้งพวกมีสี และ อดีตนักการธนาคาร คดีนี้ต้องใช้ผู้กล้าหาญจัดการ เพื่อให้ศาลทุจริตฯได้มีผลงาน ว่าจะยุติธรรมจริงหรือไม่

อีกทั้งธปท ที่เป็นผู้รู้เรื่องดีที่สุด จะกล้าดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากธปท มีทั้งคนดีคนเลวปะปนอยู่ในฝ่ายตรวจสอบเสมอมา